บ้านน้ำจวง พิษณุโลก สัมผัสหมอก นาข้าว น้ำตกสวย พักภูทับสี่
บ้านน้ำจวง ชุมชนชาวไทยภูเขาที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาป่าไม้ ในจังหวัดพิษณุโลก เป็นความงดงามและบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่า พิษณุโลกมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีแบบนี้ด้วย จุดเด่นของบ้านน้ำจวง คือ วิวของภูเขาเขียวสลับซับซ้อน อากาศบริสุทธิ์สดชื่น มีนาข้าวขั้นบันไดเนินสองเต้า น้ำตกสุด Unseen ถึงสองแห่ง ทั้งน้ำตกตาดปลากั้ง น้ำตกตาดปลาขาว รวมทั้งวิถีของชาวไทยภูเขาชนเผ่าม้งที่ยังคงมีความเรียบง่าย มีที่พักวิวเขาสุดปัง ชมแปลงดอกไม้เมืองหนาวสวยงาม ที่ ศูนย์การเรียนรู้ภูทับสี่ ให้บริการในราคาไม่แพง บ้านน้ำจวง จึงเป็นความลงตัวของการท่องเที่ยวสายกรีน ที่มีความครบทั้ง ภูเขา ป่าไม้ น้ำตก สายหมอก โดยเฉพาะในฤดูฝนมีความเขียวสดชื่นเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนเพื่อชาร์ตพลังเป็นอย่างยิ่ง
รู้จักบ้านน้ำจวง
บ้านน้ำจวง ตั้งอยู่ในตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ แบ่งเป็น 2 ชุมชน คือ บ้านน้ำจวงเหนือและบ้านน้ำจวงใต้ เป็นชุมชนชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม รวมทั้งเอกลักษณ์ดั้งเดิมของชุมชน ตั้งแต่การใช้ชีวิต บ้านเรือน ภาษา การกิน ความเป็นอยู่ มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกพืชผักเมืองหนาว ทำนาข้าว โดยปลูก ข้าวหอมมะลิม้ง และ ข้าวเจ้าเขา ซึ่งเป็นข้าวเจ้าพันธุ์พื้นเมืองที่ชาวไทยภูเขาเผ่าม้งนิยมปลูกไว้อุปโภคบริโภค การทำนาข้าวในชุมชนต่อยอดจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินาขั้นบันได ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวนาขั้นบันไดบ้านน้ำจวงที่สวยงาม รวมทั้งยังมีการปลูกไม้ดอก และพืชผลเมืองหนาว เพื่อดึงดูดในเรื่องของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูฝนเดือนกันยายน นาข้าวขันบันไดมีความเขียวขจี น้ำตกมีปริมาณมาก ส่วนในช่วงตุลาคมนาข้าวกลายเป็นสีทอง จึงทำให้ช่วงเวลานี้เหมาะสำหรับมาเที่ยวบ้านน้ำจวงมากที่สุด
การเดินทางไปบ้านน้ำจวง
บ้านน้ำจวง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากเดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางเจ็ดชั่วโมงกว่า ถนนไปบ้านน้ำจวง เส้นทางเป็นคอนกรีตทั้งหมด รถทุกชนิดไปถึง เส้นทางนี้ผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ไปจนถึงทางแยกขึ้นไปยังบ้านน้ำจวง ให้สังเกตุโรงเรียนบ้านนาตอนไว้ จากทางแยกเป็นเส้นทางที่แคบคดเคี้ยว แต่ไม่ชันมากนัก จากทางแยกโรงเรียนประมาณ 19 กม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ระหว่างทางเป็นป่าร่มรื่น คล้ายเส้นทางขึ้นดอย เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ระหว่างทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จะเริ่มมีอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงหมู่บ้าน
ที่เที่ยวบ้านน้ำจวง
การมาเที่ยวบ้านน้ำจวงใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก็เพียงพอ ช่วงเวลาท่องเที่ยว มาชมนาข้าวสายหมอกฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน-กลางตุลาคม ส่วนพฤศจิกายน-มกราคม ไม่มีนาข้าวให้ชม แต่ถ้าใครชอบอากาศหนาว แปลงดอกไม้ ก็มาเที่ยวช่วงเดือนนี้ได้ แหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน ได้แก่ นาขั้นบันไดเนินสองเต้า น้ำตกตาดปลากั้ง น้ำตกตาดปลาขาว ศูนย์การเรียนรู้ภูทับสี่ อ่างเก็บน้ำอันเนื่องจากพระราชดำริ ซึ่งแต่ละจุดตั้งอยู่ไม่ไกลกัน การท่องเที่ยวในบ้านน้ำจวง ต้องใช้รถโฟร์วิวนำเที่ยวของหมู่บ้าน เพราะเส้นทางบางจุดเป็นทางออฟโรด อย่างน้ำตกตาดปลากั้ง และบางช่วงค่อนข้างแคบ ไม่สามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปได้ โดยคิดค่าบริการนำเที่ยวทุกจุด ใน ราคา 550 บาท ใช้เวลาเที่ยว 3-4 ชั่วโมง สามารถติดต่อรถนำเที่ยวได้ที่คุณสิทธิชัย โทร 083 331 1615
เที่ยวบ้านน้ำจวงวันแรก
ศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่
จุดเริ่มต้นของการมาเที่ยวบ้านน้ำจวง คือ ศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่ ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ ที่นี่ให้บริการทั้งที่พัก ลานกางเต้นท์ รวมทั้งเป็นจุดท่องเที่ยวด้วย มีทั้งแปลงดอกไม้สวยๆ และวิวของภูเขา รวมทั้งนาข้าวขั้นบันไดที่สวยงาม ที่พักมีทั้งหมด 4 แบบ ทั้งแบบกระท่อมหลังใหญ่พักได้ 3-4 คน ด้านล่างมองเห็นวิวของดอกเสี้ยนฝรั่ง รวมทั้งที่พักในบ้านปูนเป็นบ้านพักรวมสำหรับหมู่คณะพักได้ 14 คน
รวมทั้งบ้านพักเล็กที่พักได้ 2 คน เราพักบ้านหลังนี้ เป็นบ้านหลังที่ 4 วิวสวยอยู่ใกล้แปลงดอกไม้อีกโซน มองเห็นภูเขา และระเบียงชมวิว ภายในบ้านพักมีที่นอน พัดลม ที่นี่ไม่มีห้องแอร์ เพราะอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีห้องน้ำในตัวที่อยู่ข้างนอก และมีระเบียงชมวิวเล็กๆส่วนตัว ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น ราคาบ้านพัก 1200 บาท รวมอาหารเช้า และอาหารเย็น ติดต่อจอง โทร 088 542 2237 Facebook ศูนย์การเรียนรู้ภูทับสี่
น้ำตกตาดปลากั้ง
เริ่มต้นเที่ยวบ้านน้ำจวง เราได้นัดรถนำเที่ยวให้มารับเวลาบ่ายโมงครึ่ง จุดแรกที่แวะ คือ น้ำตกตาดปลากั้ง ซึ่งเป็นน้ำตกที่ต้องใช้รถโฟรวิวเข้าไปเท่านั้น เส้นทางช่วงแรกจะเป็นดินแดง ฤดูฝนยิ่งออฟโรด ถึงกับต้องพันโซ่ไว้ที่ล้อ เห็นทางแบบนี้นั่งรถไปแป๊บเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เมื่อไปถึงน้ำตกเดินเข้าไปนิดเดียว ระยะทางเพียง 100 เมตร ซึ่งไม่ได้ยากลำบากในการมาเที่ยว
มาถึงแล้วรับรองต้องว้าว น้ำตกตาดปลากั้ง เป็นน้ำตกที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวบ้านน้ำจวง ไม่แวะถือว่ามาไม่ถึง ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่าร่มรื่น สายน้ำตกไหลลงจากหน้าผาสูงลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ กระทบกับโขดหินเบื้องล่าง จนเกิดละอองน้ำปลิวฟุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งในช่วงฤดูฝนจะสวยเป็นพิเศษ เพราะน้ำเยอะ แต่น้ำอาจไม่ใสมาก หลายคนจะกลัวว่าปลอดภัยมั้ย ตอบได้เลยว่า ปลอดภัย ฤดูฝน น้ำตกจะสวยมากกว่าฤดูอื่นๆ หรือหากให้สวยยิ่งขึ้น น้ำจะไม่แรงเท่าเดือนกันยายน ให้มาเที่ยวช่วงเดือนตุลาคม
คนขับรถนำเที่ยวเล่าให้ฟัง มีคนบอกว่า น้ำตกตาดปลากั้ง เป็นรองเพียงแต่ ทีลอซู เท่านั้น มองจากภาพคิดว่าไม่ไกลเกินจริง เพราะปกติเวลาเห็นน้ำตกที่ไหลมาจากหน้าผาสูงใหญ่แบบนี้ จะเห็นแค่เพียงสายเดียวหรือสองสาย แต่ น้ำตกตาดปลากั้ง แตกเขนงออกไปอีกหลายสาย เป็นน้ำตกที่ไหลออกมาจากซอกหิน คล้ายกับน้ำตกทีลอซู
เป็นน้ำตกที่พูดคำว่าสวยได้เปลืองมาก สวยงามอลังการ ยิ่งเวลาที่ละอองน้ำตกกระเซ็นลงมากระทบกับผืนน้ำข้างล่าง เสียงของน้ำตกดังก้อง ช่วยเพิ่มความสดชื่น มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที แค่ได้ยืนมองความงามนี้จากบนก้อนหินก็เพียงพอแล้ว ใช้เวลา นั่งเล่น ถ่ายรูปที่น้ำตกนี้นานพอสมควรชอบมาก
น้ำตกตาดปลาขาว
น้ำตกตาดปลาขาว ตั้งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน เป็นน้ำตกที่มีขนาดเล็กว่า น้ำตกตาดปลากั้ง จอดรถไว้ที่ทางเข้า และเดินลงบันได เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสะดวก แต่อาจลงบันไดหลายขั้นหน่อย มุมถ่ายรูปสวยๆของ น้ำตกตาดปลาขาว คือ ก้อนหินที่ยื่นออกไปก้อนนี้ เป็นมุมที่เหมือนได้นั่งพัก ชมความของน้ำตกได้แบบลงตัว มองเห็นตัวน้ำตกได้ทั้งหมด
น้ำตกตาดปลาขาว เป็นน้ำตกที่ไหลลงมากจากหน้าผาแต่ไม่สูงมาก และสายน้ำตกไม่ได้แตกแขนงเป็นสายเล็กสายน้อย เหมือนตาดปลากั้ง สามารถเดินลงไปข้างล่าง เพื่อไปชมน้ำตกได้แบบใกล้ขึ้น มีการทำทางเดินขนาดเล็ก เพื่อให้หยุดชมน้ำตกตรงนี้ เป็นมุมตรงที่มองเห็นน้ำตกพอดี แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำค่อนข้างเยอะ ไม่สามารถเข้าไปใกล้น้ำตกได้มากนัก
นาข้าวขั้นบันไดเนินสองเต้า
มาถึงอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของบ้านน้ำจวง นาข้าวขั้นบันไดเนินสองเต้า มีจุดชมวิวตรงกลางเป็นพื้นดินรูปวงรี โดยมีนาข้าวอยู่ล้อมรอบปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขา มองเห็นบ้านเรือนชุมชนของชาวบ้านที่อยู่ท่ามกลางป่า ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้โดรนบินขึ้นไป
หากมองในระดับสายตา จะมองไม่เห็นชัดมาก จะได้วิวตามภาพ เป็นนาข้าวที่มีพื้นที่ไม่กว้างมาก มีลักษณะเป็นเนินวงกลม ที่สามารถมองวิวได้แบบ 360 องศา ซึ่งจะเห็นมุมมองที่แตกต่างกัน ถ้ามาเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวเริ่มออกรวงจะกลายเป็นสีทอง กระทบกับแสงยามเย็นที่สวยงาม
บริเวณเนินสองเต้า ยังมีจุดนั่งชมวิว ทั้งในส่วนกระท่อมและเก้าอี้ไม้ยาว มีคนให้คำนิยามว่า คือ ซาปาเมืองไทย แต่สำหรับเรา ถ้ามองในระดับสายตาไม่เหมือนกันเลยค่ะ ซาปา นาข้าวค่อนข้างพื้นที่กว้างและมองในระดับสายตาก็เห็นเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันมากกว่า แต่ถ้าบินโดรนมีความคล้ายอยู่บ้างแต่ไม่มาก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาคงไม่ได้มีโดรนถ่ายภาพกันทุกคน บางคนเห็นภาพมุมสูงในอินเทอร์เน็ต แล้วมาเห็นภาพจริงมีผิดหวังไปบ้าง บอกไม่เหมือนในภาพถ่าย เราเลยถ่ายภาพในระดับสายตามาให้ชมกันด้วย
อ่างเก็บน้ำอันเนื่องจากพระราชดำริ
จากเนินสองเต้าในเส้นทางเดียวกัน แวะมาที่ อ่างเก็บน้ำอันเนื่องจากพระราชดำริบ้านน้ำจวง เป็นอ่างเก็บน้ำที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในหมู่บ้าน พื้นที่อาจจะรกไปด้วยต้นไม้และต้นหญ้าไปสักหน่อย แวะแป่บเดียวพอเป็นพิธี แล้วก็นั่งรถกลับเพราะเย็นมากแล้ว
อาหารเย็น น้ำพริกชนเผ่ารสเด็ด ศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่
หลังจากเที่ยวตามจุดต่างๆจนครบ ก็กลับมายังที่พัก ที่ ศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่ ประมาณ 6 โมง อาหารเย็นพร้อมเสิร์ฟ เป็นอาหารง่ายๆ มีไข่เจียว ผัดผัก ปีกไก่ทอด และที่ขาดไม่ได้ คือ น้ำพริกชนเผ่า ที่เพิ่งทานสูตรนี้เป็นครั้งแรก อร่อยมาก มีความหอมและเปรี้ยวนิดๆ จนต้องถามว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง เป็นน้ำพริกที่ใช้ต้นหอม ผักชี พริก และมะเขือเทศลูกเล็กที่ใส่ส้มตำ ตำรวมกัน ใส่เกลือนิดหน่อย แค่นี้ก็อร่อย จนต้องเข้าไปดูกรรมวิธีการทำถึงครัว เพราะจะกลับไปทำทานที่บ้านบ้าง
เที่ยวบ้านน้ำจวงวันที่สอง
ชมทะเลหมอกศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่
เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกทั้งคืน ทำให้ตื่นมาในเช้านี้ สายหมอกฝนปกคลุมเต็มภูเขา ดีใจมากที่ได้เห็นภาพที่เฝ้ารอ เปิดหน้าต่างหน้าบ้านก็ได้เห็น เป็นเช้าวันใหม่ที่สดใส และสดชื่นมาก
แปลงดอกไม้หลากสีสัน ทั้งดอกเสี้ยนฝรั่ง ดอกบานไม่รู้โรย ดอกบานชื่น มองไปคือ วิวของภูเขาเขียวเรียงรายสลับซับซ้อน และสายหมอกที่ลอยปกคลุมเหนือภูเขา เป็นอีกหนึ่งมุมความงดงามของพิษณุโลกที่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอ เพราะส่วนใหญ่ภาพแบบนี้จะได้เห็นตามเชียงใหม่หรือน่านมากกว่า
ถ่ายรูปกับดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน สดชื่น สวยงาม
วิวจากระเบียงชมวิว มองเห็นภูเขาและถนนของหมูบ้านอยู่ไม่ไกล มีสายหมอกลอยผ่านไปมาตลอดเช่นกัน
ศูนย์เรียนรู้ภูทับสี่ มีลานกางเต้นท์ให้บริการ ตั้งอยู่ข้างบน มีเต้นท์ให้พร้อม ซึ่งตรงจุดนี้จะตั้งอยู่บนที่สูง ถัดจากบ้านพักขึ้นไป มีบ้านส่วนกลาง ที่นั่งชมวิวชั้นล่าง เห็นภูเขาและทะเลหมอกได้แบบเว่อวังมาก ชอบมุมนี้สวยงามไม่แพ้แปลงดอกไม้
มีระเบียงชมวิวข้างบน สามารถขึ้นไปชมวิวได้ สวยมากๆ
วิวภูเขาและสายหมอก มีความน่าน เป็นที่สุด ไม่ต้องไปเปรียบเทียบประเทศเรากับที่อื่น เปรียบกันเองนี่แหละค่ะ วิวเหมือนโซนถนนเส้นสันติสุข ปัว บ่อเกลือ ซึ่งทางคนดูแลที่พักบอกว่า ทิวเขาของบ้านน้ำจวง ติดกับอำเภอนาน้อยของน่าน นั่นเอง
นอกจากวิวภูเขา หน้าที่พักยังมีวิวของนาข้าวขั้นบันได้ด้วย ยามเช้ามีสายหมอกปกคลุมสวยงาม ซึ่งเราชอบวิวของนาข้าวตรงนี้มากกว่าเนินสองเต้า ถ้ามาถ่ายตอนเย็นแสงสวยมาก
บรรยากาศภายในหมู่บ้านน้ำจวง
ก่อนกลับ เราขับรถแวะเข้าไปในหมู่บ้านน้ำจวง ชมบรรยากาศ ยามเช้าจะมีความคึกคัก ชาวบ้านออกมาซื้อของ จับจ่ายใช้สอย ภายในหมู่บ้านมีร้านขายของชำ และแผงขายของเป็นเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้
ที่พักบ้านน้ำจวง
ระหว่างขับรถกลับมาเจอที่พักนี้โดยบังเอิญ กำลังสร้าง และเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ มีเพียงสองหลัง วิวสวยมาก ยังไม่มีชื่อที่พักค่ะ เจ้าของยังไม่ได้ตั้ง แต่ได้ขอเบอร์โทรไว้ เผื่อใครสนใจอยากพัก เพราะวิวภูเขาเว่อวังมาก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ภูทับสี่ เบอร์โทร 093 448 8489
นอกจากนี้บ้านน้ำจวงยังมีที่พักอีกหนึ่งแห่งที่วิวสวย คือ ไร่เคียงดาว ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของหมู่บ้าน สามารถเข้าไปดูบ้านพักได้ที่ Facebook : raikiangdao
บ้านน้ำจวง ความลงตัวของที่เที่ยวในแนวธรรมชาติ ที่มีครบ มาเที่ยวที่นี่ ให้ความรู้สึกสดชื่น อากาศเย็นสบาย ภาพที่เห็นในหลายแห่ง สร้างความอเมซิ่งได้แบบคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าจะได้มาเจอช้างเผือกกลางผืนป่าแห่งเมืองพิษณุโลกอยากให้คนที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวนี้ได้ลองมาสัมผัสซักครั้ง รับรองได้ว่าจะต้องอยากกลับมาซ้ำแน่นอน