เติมความสุข ย้อนวันวาน พิพิธภัณฑ์สุขสะสม
เคยมีคนบอกว่า “บางครั้งการได้คิดถึงความสุขในวันวาน ทำให้เรายิ้มได้” แค่เพียงได้คิดถึงความทรงจำในอดีตที่ประทับใจ ได้เปิดดูภาพถ่ายเก่าๆ ได้เห็นสิ่งของเก่าในอดีตที่อาจไม่ได้มีโอกาสได้เห็นแล้วในปัจจุบัน การได้นึกถึงหรือได้เห็นสิ่งเหล่านี้ เหมือนเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำว่าในช่วงชีวิตหนึ่ง เคยได้มีความสุขและยิ้มไปกับมัน เฉกเช่นการมาเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สุขสะสม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเก่าแก่ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ของเล่น โปสเตอร์สิ่งพิมพ์ ต่างๆ จนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของสะสมกว่า 300,000 ชิ้น ที่มีการบอกกล่าวเล่าขานถึงประวัติความเป็นมา เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ที่คอยเติมความสุขและรอยยิ้มให้ให้กับผู้มาเยือน
พิพิธภัณฑ์สุขสะสม ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา ในเขตกรุงเทพ นี่เอง ก่อตั้งขึ้นด้วยใจรักของเจ้าของที่สะสมของเก่าแก่มากว่า 30 ปี โดยมีความตั้งใจนำของเหล่านี้มาสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนคนรุ่นหลัง เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาวิถีชีวิตของชาวสยามในยุคปี พ.ศ. 2450 ก่อนจะมาเป็นประเทศไทย สำหรับการเดินทางมาแนะนำว่าหากไม่รู้เส้นทางให้ตั้งการเดินทางโดยใช้แอพ google maps จะสะดวกที่สุด พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมถนน แต่ทางเข้าและป้ายจะเล็กซักหน่อยต้องสังเกตให้ดี สามารถนำรถเข้าไปจอดด้านข้างตัวพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นอาคารสีเหลือง
เมื่อมาถึงต้องซื้อบัตรเข้าชมบริเวณด้านหน้า ซึ่งเรียกว่าสุขสะสมพาณิช ซึ่งเป็นจุดขายของที่ระลึก
แค่จุดแรกก็มีมุมให้ถ่ายภาพแล้ว ย้อนวันวานไปรษณีย์ ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวงการไปรษณีย์ไทย
มุมขายของที่ระลึก มีทั้งของเล่น ข้าวของเครื่องใช้ ในอดีตต่างๆ วางจำหน่าย ถูกใจชิ้นไหนหลังจากชมพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็ซื้อกลับบ้านได้
ประตูแห่งกาลเวลาที่จะพาเราก้าวผ่านปัจจุบันไปสู่อดีต
อาคารแบ่งออกเป็น 3 ชั้น แบ่งการจัดแสดงสิ่งของทั้งหมด 5 โซน ในส่วนภายในอาคารเป็นห้องแอร์
ชั้นล่างสุด คือ โซนที่ 1 และ 2 โซนที่ 1 นั้น คือ ชื่นชมวิวัฒนาการของเล่นย้อนยุค ที่รวมรวมของเล่นในยุคสมัยต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก วิวัฒนาการของของเล่นตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ของเล่นที่ทำจากเซลลูลอยด์จนกระทั่งเป็นพลาสติก โดยมีของเล่นจัดแสดงอยู่มากกว่า 3,000 ชิ้น โซนนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เป็นพิเศษ
โซนที่ 2 ปลุกความสุขกับของใช้ร่วมสมัย ซึ่งจะได้เห็นวิวัฒนาการของใช้ต่างๆ หลากหลายชิ้น ทั้งโทรศัพท์ วิทยุ เตารีด ถ้วยชาม สกุลเงิน สิ่งหนึ่งที่เราชื่นชอบในการชมพิพิธภัณฑ์สุขสะสม คือ สิ่งของที่มีป้ายเขียนอธิบายความเป็นมาสั้นๆ ของแต่ละประเภทมีที่มาอย่างไร เริ่มนำมาใช้ในยุคสมัยใด ละเอียดมาก เป็นการชมพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ใช่เพียงแต่ตื่นตากับของเก่าที่ยังไม่เคยเห็น หรือเคยเห็นในอดีตเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้ความรู้ด้วย
เสามิเตอร์จอดรถ บอกตามตรงไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามีการใช้สิ่งนี้ในประเทศสยามด้วย ปกติเห็นแต่ในต่างประเทศ เป็นเสามิเตอร์เก็บค่าจอดรถริมถนนแบบหยอดเหรียญ ซึ่งในอดีตจะมีอยู่ตามถนนต่างๆมากมาย ซึ่งต่อมาก็ค่อยๆหายไปและเลิกใช้ไปในที่สุด
มาเจอเจ้าสิ่งนี้ ถึงกับอมยิ้ม คือ สมัยก่อนในช่วงที่โทรภาพ หรือ โทรทัศน์ เพิ่งเริ่มเข้ามาในประเทศ หากบ้านไหนไม่มีเงินซื้อ ต้องแอบมาเจาะรูสังกะสีบ้านคนที่มีอาศัยดูแบบนี้ พอส่องไปที่รูก็เห็นภาพที่อยู่ในโทรทัศน์ด้วย เป็นอีกมุมย้อนอดีตที่น่ารักๆ ของที่นี่อีกมุมหนึ่ง
มาที่ชั้น 2 กันบ้าง เป็นชั้นลอย คือ โซนที่ 3 สิ่งพิมพ์โบราณ จัดแสดงสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ ที่สามารถถ่ายทอดให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้ทราบถึงค่านิยม วัฒนธรรม และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคแต่ละสมัยผ่านตัวอักษร และช่วงเวลาที่ระบุไว้ในสื่อสิ่งพิมพ์นั้นๆ รวมถึง กล่องและซองสินค้า ทั้งแป้งผัดหน้า ผงซักฟอก ยาสีฟัน ไม้จิ้มฟัน ยาหอม กล่องไม้ขีด
กล่องไม้ขีดแบบต่างๆ มีเยอะมาก ทั้งแบบที่เคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อน
ซองผงซักฟอก ยี่ห้อต่างๆ บอกเล่าประวัติด้วยว่า เริ่มนำมาใช้เมื่อไหร่ และชื่อยี่ห้อ FAB ที่เรามักเรียกติดปากแทนผงซักฟอกทุกยี่ห้อ ว่ามีความหมายว่าอะไร ปกติไม่เคยสนใจเลย มารู้ก็จากที่นี่ว่าย่อมาจากคำว่า fast & better
โซนนี้ รวบรวมขวด แก้ว และพาชนะเซรามิค ต่างๆ
สิ่งพิมพ์โบราณ ซึ่งส่วนใหญ่ คือ หนังสือพิมพ์เก่า เป็นอะไรที่เห็นแล้วตื้นตันใจที่ได้มีโอกาสได้เห็นข่าวของในหลวง รัชกาล ที่ 9 และพระราชินี ในอดีต เคยเที่ยวพิพิธภัณฑ์แนวนี้มาเยอะส่วนใหญ่มีการเก็บรวบรวมสิ่งพิมพ์เก่าๆ แทบทั้งสิ้น แต่ ที่นี่คงเป็นแห่งแรก ที่ได้มีโอกาสเห็นข่าวของทั้ง 2 พระองค์ ในสมัยที่ยังทรงอยู่ในวัยหนุ่ม สาว จากหนังสือพิมพ์เก่าๆ หลากหลายฉบับ
รวมถึงข่าวสารบ้านเมืองในอดีตด้วย ระหว่างที่ยืนอ่านยังคิดในใจว่า เจ้าของสุดยอดมาก ไม่ใช่แต่เพียงสิ่งของเก่า แต่ยัง หาเก็บสิ่งพิมพ์เหล่านี้ไว้ได้
ชั้นที่ 3 คือ โซนที่ 4 จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ขนาดย่อส่วน ทั้งส่วนที่เป็นอาหารคาวหวานผักผลไม้
รวมถึงจำลองอาชีพโบราณที่บางอาชีพไม่มีให้เห็นอีกแล้วในปัจจุบัน เช่นอาชีพแบกหาบเร่ขายของ กระเพาะปลา อาชีพเขียนอักษรจีนรวมถึงรถราง และความเป็นมาของการสร้างรถราง สมัยรัชกาลที่ 5 อีกด้วย
มุมด้านในสุด คือ ร้านขายของชำ ร้านอาหารตามสั่ง และร้านกาแฟโบราณ เป็นมุมถ่ายภาพเก๋ๆ ได้อีกมุมนึง
ชมทั้ง 4 โซนภายในอาคารห้องแอร์เรียบร้อยแล้ว มาชมพื้นที่ด้านหลังซึ่งเป็นโซนโอเพ่นแอร์ข้างนอกกันบ้าง เป็นพื้นที่ของโซนที่ 5 ตลาดเก่าย้อนยุค ที่จำลองตลาดเมื่อ 50-70 ปีที่แล้ว ที่นำร้านค้าต่างๆมาจัดแสดง มีทั้งร้านทองเก่าแก่ในเยาวราช ร้านโชห่วย ฯลฯ โซนนี้จะถูกใจคนชอบถ่ายภาพตัวเองเป็นพิเศษ เพราะบางร้านสามารถเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในร้านค้านั้นได้
ร้านขายยาโบราณ ที่จัดแสดงยารักษาโรคขนานต่างๆ หลายชนิด
ร้านทองเก่าแก่ในเยาวราช ที่ให้เราได้แปลงกายเป็นอาเจ๊ ร้านทอง ได้ถ่ายภาพสนุกๆ
บ้านของคหบดีชาวจีน ที่มาค้าขายและตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย
ร้านขายของชำ มีสินค้าหลากหลายประเภท
ร้านขายถ้วย ชาม ถาด ปิ่นโต สีสันละลานตามาก
ร้านขายของเล่น ใครที่ไม่ค่อยได้เห็นลูกแก้ว หลากสี ที่หากใครเกิดทันยุค 90 จะรู้ว่า ในสมัยนั้นฮิตมาก ลูกแก้ว คือ ของเล่นที่มีคุณค่าและของรักของหวง คือ เด็กๆ ทุกคนจะต้องมีลูกแก้วมาเล่นดีดกัน
โรงหนังเก่า
ชมพิพิธภัณฑ์กันอิ่มความสุขแล้ว เที่ยงพอดีถึงเวลาที่ต้องอิ่มท้อง ซึ่งด้านหน้ามีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ สามารถมานั่งพักสั่งอาหาร จิบเครื่องดื่มกันได้ อาหารมีให้เลือกหลายอย่าง รสชาติอาหารร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
หากเป็นคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวสถานที่แนววินเทจเก่าๆมาก โดยเฉพาะที่รวมของโบราณสมัยวัยเยาว์ รุ่นปู่ยา อยากให้ลองมาเที่ยว เห็นที่เที่ยวแนวนี้มาเยอะ แต่ที่ พิพิธภัณฑ์สุขสะสม เป็นอะไรที่อเมซิ่งมาก มีของเก่าสะสมเก่าๆ เยอะมาก บางชิ้นยังคิดว่า สามารถหามาได้ไง สุดยอดมาก ลองมาเติมความสุข ย้อนวันวาน ที่ พิพิธภัณฑ์สุขสะสม
รายละเอียดเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์สุขสะสม
ที่ตั้ง 2 ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170
เปิดบริการ ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
วันหยุดนักขัตฤกษ์ เสาร์ -อาทิตย์ 10.30 – 18.30 น.
ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 100 บาท เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี 50 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
โทรศัพท์ 084 145 7454
เว็บไซต์: www.suksasommuseum.com