นางพญาเสือโคร่งเชียงราย หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว & ร.ร.บรรพตวิทยา
ชมดอกนางพญาเสือโคร่งบานที่เชียงใหม่มาเยอะแล้ว เรามาเที่ยวชมที่เชียงรายกันบ้าง ถ้าพูดถึงจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งเชียงราย หลายคนคงยังติดภาพที่ดอยแม่สลองหรือที่ดอยช้าง ซึ่งทั้งสองที่คือ จุดชมนางพญาเสือโคร่งที่ขึ้นชื่อในยุคแรกๆของเชียงราย ซึ่งหากถามว่าในปัจจุบันมีให้ชมอยู่มั้ยก็ต้องตอบว่ามีแต่น้อยลงมากไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาที่ใหม่ที่น่าสนใจไปชมกันค่ะ ไปด้วยกันมีจุดชมนางพญาเสือโคร่งที่ต้องเรียกว่าเพิ่งมาได้ไม่นานในเชียงรายมาฝาก เป็นอีกจุดหนึ่งที่เรียกว่ามีให้ชมเยอะในระดับนึง ที่หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว และโรงเรียนบรรพตวิทยา หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ อยู่ตรงไหน อะไร ยังไง แต่ถ้าบอกว่าที่แรกอยู่ใกล้ภูชี้ฟ้าตรงปากทางขึ้น ส่วนที่ที่สองอยู่ใกล้ดอยผาตั้ง คงต้องร้องอ๋อ ชมทะเลหมอกทั้งสองที่แล้วก็แวะมาชมดอกนางพญาเสือโคร่งด้วยเลย
เริ่มกันด้วยที่แรก หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว ตั้งอยู่ในอำเภอเวียงแก่น จังหวัด เชียงราย พิกัดอยู่ตรงทางขึ้นภูชี้ฟ้า ตรงบ้านร่มฟ้าทอง การเดินทางก็ง่ายมากค่ะ ไปเส้นทางเทิง-เวียงแก่น-ภูชี้ฟ้า หลังจากที่เราขับรถเข้าสู่ถนนหลักในเส้นภูชี้ฟ้า ผ่านดอยผาหม่น ก็ขับตรงยาวไปเรื่อย ๆ ผ่านตลาดขายของชุมชน จะเห็นป้ายเขียนว่า บ้านร่มฟ้าทอง ก็ให้เลี้ยวรถเข้าไปเลยค่ะ ถนนจะแคบและชั้นซักหน่อยแต่เป็นถนนคอนกรีต รถทุกชนิดขึ้นได้ แต่ถ้าไปถึงหน่วยจัดการต้นน้ำ รถตู้อาจขึ้นไปไม่ไหวอาจไปได้แค่รีสอร์ทที่ตั้งอยู่ข้างล่าง ที่บ้านร่มฟ้าทองมีที่พักให้เราเลือกพักมากมายตรงตีนดอยค่ะ ตรงจุดนี้จะห่างจากทางเดินเท้าขึ้นภูชี้ฟ้าประมาณ 2 ก.ม. เท่านั้น เราเลือกพักที่ภูชี้ฟ้ายอดมณี เป็นบ้านพักบนภูชี้ฟ้าที่เรารู้สึกว่าสะดวกสบายพอสมควร มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ห้องกว้างขวาง มีระเบียงชมวิว แถมโลเคชั่นอยู่ท่ามกลางพญาเสือโคร่ง และอยู่บนเส้นทางขึ้นหน่วยจัดการต้นน้ำหงาวจุดชมพญาเสือโคร่งจุดแรกของเรานั่งรถไม่ถึง 5 นาที และใกล้ทางขึ้นภูชี้ฟ้า
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ในช่วงบ่าย 3 โมง เราก็ให้รถโฟรวิวของทางรีสอร์ทขึ้นไปส่งยังที่ทำการหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว เนื่องจากรถตู้ที่เรามาไม่สามารถขึ้นได้ โดยที่พักคิดราคาไปกลับคนละ 60 บาท แต่พวกเราบอกว่าให้ส่งเราที่ทำการหน่วยฯ แล้วจะเดินกลับลงไปเอง ราคาเลยลดเหลือคนละ 30 บาท เพราะอยากเดินถ่ายภาพดอกนางพญาเสือโคร่งที่เบ่งบานระหว่างทางไปเรื่อยๆ นั่งรถอาจจอดถ่ายภาพไม่สะดวก ตรงจุดนี้คือ ที่ทำการของหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว ซึ่งน่าจะบานเป็นดงเยอะที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวสำหรับเรายังถือว่ายังมีให้ชมไม่เยอะมากเท่ากับที่เชียงใหม่ แต่ถ้าเทียบด้วยกันในเชียงรายก็ถือว่าสวยแล้วค่ะ
เดินไปด้านหลังเวทีก็จะเห็นวิวเป็นมุมแบบนี้ค่ะ ดอกนางพญาเสือโคร่งของที่นี่ค่อนข้างสูงและจะขึ้นแทรกไปตามต้นไม้ใหญ่ภายในหน่วยฯ
ส่วนมุมนี้ คือ มุมด้านหน้าหน่วยฯ ต้นนี้น่าจะเป็นสีชมพูที่สุดและบานเยอะค่ะ
จากถนนหันมองกลับไปไปยังที่จัดงาน มุมนี้ก็คล้ายกับขุนแม่ยะเหมือนกัน ดูอลังการดี ช่วงกลางเดือนม.ค. ทีนี่ถือว่าพีคสุดค่ะ ตอนนี้บางส่วนเริ่มมีใบแซมเยอะแล้ว
เราเดินชมนางพญาเสือโคร่งโดยเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เรานั่งรถขึ้นมา เพราะตามที่บอกคือ อยากถ่ายภาพไปเรื่อยๆ นางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ริมถนนตั้งแต่ที่พักของเราไปจนถึงทางขึ้นหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว ซึ่งจากตรงนี้ไปจนถึงที่พักก็น่าจะประมาณ 1 กิโลกว่าๆ เรามาที่นี่ 2 รอบ คือ ช่วงบ่ายและเช้าอีกวัน โดยส่วนตัว ช่วงบ่ายแสงจะลงสวยกว่าค่ะ ช่วงเช้าจะทึมๆ ไปซักหน่อยแสงยังส่องไม่ถึง ด้วยสภาพของพื้นที่ด้วยที่ปกคุลมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เยอะมากด้วย
ต้นนางพญาเสือโคร่งสูงมาก อยากถ่ายตัวเองกับนางพญาเสือโคร่งบ้าง ก็ต้องถ่ายแหงนขึ้นไปอย่างนี้ค่ะ ถึงจะได้ภาพกับเจ้าดอกสีชมพูตระการตา
ยังเดินต่อไปตามเส้นทางถนน คนมาเที่ยวยังน้อยมากถ่ายภาพสบายเลยค่ะ เรียกได้ว่ามีแค่พวกเราแค่ 10 คน เอง หากใครอยากเดินถ่ายภาพก็ต้องระวังรถด้วยค่ะ เพราะมีรถวิ่งขึ้นลงอยู่เป็นระยะ
ช่วงเวลานี้ยังเป็นเวลาบ่ายแก่ๆอยู่แท้แต่มองเห็นพระจันทร์แล้วน่ะ
นั่งพักถ่ายสมาชิกร่วมทางบ้าง สตรองกันทุกคนเดินถ่ายภาพไปด้วยกันแบบไม่กลัวเหนื่อยและหวั่นในสิ่งใดก็เพลิดเพลินดี เดินชมวิวถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปด้วย อากาศก็เย็นสบายมาก ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร เพราะทางเดินลงด้วยแต่ถ้าเดินขึ้นนี่อาจมีหอบและคงต้องขอบาย
แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องลงมาพาดผ่านต้นไม้ให้เห็นอยู่รำไร
โชคดีที่วันทีไปฟ้าเป็นใจ สวยใสเลยทีเดียว
ตรงโค้งถนนนี้ เป็นจุดที่ดอกนางพญาเสือโคร่งมีให้ชมเยอะที่สุดค่ะและก็ขึ้นเรียงรายกันเป็นแถวรับกับโค้งถนนพอดีความพิเศษของนางพญาเสือโคร่งของหน่วยจัดการต้นน้ำหงาวที่เราเห็นน่าจะอยู่ตรงนี้ค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ ก็ใกล้ถึงที่พักของเราแล้ว ตรงจุดนี้นางพญาเสือโคร่งก็มีให้ชมเยอะแต่บางต้นก็เริ่มมีใบแซมแล้ว
ย้อนมองกลับไป สมาชิกสุดสตรองทั้งหลายก็เริ่มทยอยเดินลงมากันทีละคนสองคน
เช้าอีกวันหลังจากขึ้นไปชมทะเลหมอกยังภูชี้ฟ้าแล้ว เวลา 9 โมง เช้า เรามุ่งหน้าไปยังดอยผาตั้ง เพื่อไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งจุดที่สองที่โรงเรียนบรรพตวิทยา พิกัดใช้เส้นทางเดียวกับทางไปยังดอยผาตั้ง เมื่อถึงทางแยกขวาที่จะขึ้นไปยังดอยผาตั้ง ให้ขับเลยไปเล็กน้อยจะมีทางเลี้ยวขวาที่สอง ให้เลี้ยวไปค่ะ ขับตรงไปจะเจอป้ายโรงเรียนบรรพตวิทยาใหญ่มากตรงทางขึ้น ซึ่งเส้นทางค่อนข้างชันและแคบแต่รถทุกชนิดไปได้หมด แต่ต้องขับด้วยความระมัดระวัง มาถึงปุ๊บต้องผิดหวังกันเล็กน้อยเพราะดอกนางพญาเสือโคร่งยังบานประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ปีนี้ถือว่าบานช้ามากค่ะ จุดนี้คือ บริเวณทางขึ้นหน้าสนามบาสของโรงเรียน ซึ่งจะมีบานอยู่ 2 ต้น แต่ก็ยังถือว่ายังบานไม่เต็มที่มากค่ะ
ถึงแม้ว่ายังบานไม่เต็มที่ แต่พวกเราก็สนุกสนานกับการถ่ายภาพได้ไม่ยากเพราะเมื่อมองหลังกล้อง แม่เจ้า วิวต้นนางพญาเสือโคร่งที่มีฉากหลังเป็นภูเขาเรียงรายซับซ้อนช่างสวยงามยิ่งนัก
ถ่ายภ่าพไปก็นึกว่าเราอยู่ในต่างประเทศ คือ วิวมันใช่มาก โรงเรียนก็ช่างมาตั้งอยู่บนภูเขาสูงเห็นวิวสวยงาม จินตนาการว่าถ้าบานพรึบเต็มที่พร้อมกัน คงเป็นจุดชมนางพญาเสือโคร่งที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง
จบการรายงานบรรยากาศการบานของนางพญาเสือโคร่งที่หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว และโรงเรียนบรรพตวิทยาเพียงเท่านี้สำหรับหน่วยจัดการต้นน้ำฯ ถือว่าเลยจุดพีคที่บานสวยที่สุดไปแล้วค่ะ หลังจากนี้ไปคงมีใบแซมแล้วแต่ก็ยังมาชมกันได้ถึงสิ้นเดือน ส่วนโรงเรียนบรรพตวิทยานี่คงต้องรอลุ้นเลยคิดว่าสิ้นเดือนมกราคมน่าจะได้เห็นมากกว่านี้ค่ะ