หลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร ชมวิหารสุดวิจิตร บนเนินเขา
พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต หรือ หลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ที่ วัดช่องแสมสาร ตำบลแสมสาร อำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชุมชนช่องแสมสาร ประดิษฐานบนยอดเขาเจดีย์ ซึ่งชาวประมงฝั่งตะวันออก เลื่อมใสศรัทธา ทุกครั้งที่ออกทะเลมักจะไปนมัสการและขอพร ชาวประมงทุกคนจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ มีโชคได้สินทรัพย์จากทะเลเป็นกอบเป็นกำ
หลวงพ่อดำ ประดิษฐานในพระวิหารวัดช่องแสมสาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสูง ๕ เมตร มีรูปใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำลงแผ่เมตตาให้กับผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ ด้วยสถานที่ตั้งของวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบไปด้วยทะเล สามารถมองทะเลสัตหีบได้ทั่วบริเวณ ภายนอกวิหารประดับด้วยลวดลายปูนปั้นภาพเทพเทวดา และพระพุทธประวัติวิจิตรตระการตา ด้านข้างพระวิหาร คือ ศาลพระพรหมให้กราบไหว้สักการะบูชา ตรงจุดที่ตั้งศาลพระพรหมจะเป็นจุดชมวิว ที่เราสามารถมองเห็นวิวทะเลแสมสารและเกาะต่างๆได้
วิวทะเลด้านหลังระเบียงวิหาร
ตำนานหลวงพ่อดำ
ระบุว่า เมื่อปีพุทธศักราช 2501 หลวงพ่อดำรง คุณาสโภ ได้เดินทางจาก จังหวัดสุพรรณบุรี มาปักกลด ณ บริเวณพระเจดีย์เก่าบนเขาของวัดช่องแสมสาร หลวงพ่อดำรง คุณาสโภ ได้เล่าให้ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการให้ฟังว่า ท่านจำพรรษาอยู่วัดเขาขึ้น อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี สาเหตุที่เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เพราะได้ฝันว่าเทพยดาองค์หนึ่งบอกให้ไปสร้างพระพุทธรูปไว้ใกล้ๆพระเจดีย์เก่าองค์หนึ่ง บนเขาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก “ในภายภาคหน้า พระประธานองค์นี้จะกลายเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีประชาชนให้ความเคารพนับถือเดินทางมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณแห่งนี้มีความเหมาะสมที่จะบูรณะให้กลายเป็น แหล่งรักษาศีลและความสงบให้กับชาวพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก…”
หลวงพ่อดำรง จึงได้ออกเดินทางจากวัดเขาขึ้นกว่าจะถึงวัดช่องแสมสารเป็นเวลาหลายวัน เมื่อครั้นจนถึงบ้านช่องแสมสาร ท่านทราบว่าเป็นสถานที่มีภูมิทัศน์ตรงกับสภาพที่ท่านนิมิตฝัน ท่านจึงชักชวนญาติโยมช่วยกันบริจาควัสดุในการสร้างพระพุทธปฏิมากร ซึ่งได้รับศรัทธาร่วมมือด้วยดี ในสมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานคนแบกขนวัสดุขึ้นไป การสร้างใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี จึงแล้วเสร็จและ ทารักสีดำ ตั้งเป็นสง่าอยู่กลางแจ้ง
ชาวบ้านชาวเรือและผู้พบเห็น จึงเรียกว่าหลวงพ่อดำกันจนติดปาก ทั้งๆ ที่ตอนสร้างเสร็จท่านได้ถวายนามว่า “พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต” ซึ่งชื่อในตอนท้าย มีความหมายระบุว่า เป็นพระที่เกิดจากความฝันดี
หลังจากสร้างเสร็จประมาณ 1 เดือน ได้จัดงานฉลองพระและประกอบพิธีเบิกพระเนตร ในครั้งนั้นได้มีการผูกหุ่นฟาง 2หุ่น เพื่อเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อดำ หลังจากเสร็จพิธีก็เผาหุ่นฟาง หลวงพ่อดำ ได้ตั้งตากแดดอยู่กลางแจ้งเป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ จนมีชาวประมงจากจังหวัดสมุทรปราการแล่นเรือผ่านมาเห็นหลวงพ่อดำตากแดด จึงบนขอพรว่าออกเรือเที่ยวนี้ขอให้ได้สองแสนบาท จะมาทำหลังคาให้ ปรากฏว่าได้ดังคำขอ จึงเอาเงินมาฝากให้นายเจริญ ทิศาบดี ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยทำหลังคา แต่ไม่มีฝา เมื่อฝนตกก็สาดเปียก ต่อมาชาวประมงอีกรายผ่านมา ก็บนหลวงพ่อดำอีก ขอให้จับปลาได้เยอะๆ จะมากั้นฝาให้ ปรากฏว่าได้สมหวังก็เอาเงินมาฝากผู้ใหญ่ให้ช่วยทำต่อไป สภาพวิหารหลวงพ่อดำในขณะนั้น จึงเป็นเพียงมีหลังคาและฝาไม้สามด้าน มีชาวบ้านและชาวเรือต่างขึ้นไปนมัสการกราบไหว้ เป็นจำนวนมาก และมักประสบผลสำเร็จ
หลังจากสิบปีผ่านไป สภาพของวิหารชำรุดทรุดโทรมจนใช้งานไม่ได้ นายเสน่ห์ พิทักษ์กร สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมมือกับพระครูวิสารทสุตากร เจ้าอาวาส พร้อมชาวบ้านร่วมกันสร้างเป็นวิหารจตุรมุข ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง และมีภาพปูนปั้นเรื่องราวพุทธประวัติ ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน ครั้นสร้างเสร็จได้ทำพิธีเปิดวิหารอย่างเป็นทางการ ในแต่ละวันมีประชาชนเดินทางไปนมัสการขอบนและแก้บนสิ่งสมปรารถนาโดยมิได้ขาด เรื่องราวพุทธานุภาพปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อดำมีมาก จากคำบอกเล่าของผู้คนที่มาแก้บนแต่ละวัน จะเข้าสักการะแก้บนด้วยไข่ต้มและพวงมาลัยดอกไม้สด ตามความเชื่อว่าหลวงพ่อดำคุ้มครองรักษาให้ปลอดภัย และได้โชคลาภสิ่งที่สมปรารถนาไม่ขาดสาย จนหลวงพ่อดำที่ทารักสีดำ กลายเป็นหลวงพ่อดำสีทองเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งองค์ในปัจจุบัน
วิวทะเลบริเวณศาลพระพรมหม