• หน้าแรก
  • หาดปากบารา ของดีเมืองสตูลที่ไม่อยากให้แค่ผ่าน  

หาดปากบารา ของดีเมืองสตูลที่ไม่อยากให้แค่ผ่าน  

หาดปากบารา ผ่านไปมาทุกครั้งที่ขึ้นเรือไปเกาะหลีเป๊ะ เพราะเป็นที่ตั้งของท่าเรือ ผ่านแต่ไม่เคยมีเวลาได้หยุดแวะให้นาน เพราะหากใครเคยไปหลีเป๊ะจะรู้ดีว่าแค่นั่งเครื่องบินหรือรถโดยสาร ต่อรถแล้วไปต่อท่าเรือ ก็แอบเหนื่อยและแทบจะหมดเวลาแล้ว แต่ถ้ามีเวลาเยอะขึ้น แนะนำว่าให้มาพักที่หาดปากบาราสักคืนจะพักขาไปหรือขากลับก็ได้ แล้วเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในโซนนี้ หาดปากบารามีความสวยงามตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มีที่พักติดหาดสวยราคาน่ารักหลายแห่ง แถมร้านอาหารทะเล และอาหารท้องถิ่นอร่อย ชอบที่สุดคือ พระอาทิตย์ตกที่หาดปากบาราสวยมาก

 

 

วันแรก

 

Sea see resort

หาดปากบารา ชายหาดที่ทอดยาวหลายกิโลเมตร จรดท่าเรือปากบาราท่าเรือไปเกาะหลีเป๊ะ  เป็นชายหาดที่เงียบสงบแต่น้ำทะเลอาจไม่ได้ใสมาก บริเวณชายหาดเป็นที่ตั้งของที่พักหลายแห่งในราคาไม่แพงหลักร้อยถึงพันต้นๆ เราเลือกพักที่  Sea see resort เป็นที่พักอยู่ใกล้ท่าเรือปากบารา ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยเมตร รวมถึงยังอยู่ติดกับท่าเรือที่นั่งเรือไปปราสาทหินพันยอดสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ทำให้ค่อนข้างสะดวก ที่พักยังใหม่มาก พื้นที่กว้างขวางห้องพักจะอยู่ในอาคารแบบตึกทั้งหมด แบ่งเป็น 2 อาคาร อาคารแรก อยู่ด้านหน้าบริเวณเดียวเคาน์เตอร์เช็คอิน เป็นห้องแบบสุพีเรีย ราคาคืนละ 900 บาท (รวมอาหารเช้า)   ส่วนอาคารที่สองอยู่ใกล้ทะเลและสระว่ายน้ำ คือ ห้องเดอลักซ์รูม ราคาคืนละ 1080 บาท (รวมอาหารเช้า)  อาหารเช้าที่นี่จัดเต็มมากค่ะ มีอาหารหลากหลายมาก แถมยังมีอาหารท้องถิ่นขนมจีน ข้าวยำ อีกด้วย เราเลือกพักห้องเดอลักซ์รูม  สิ่งอำนวยความสะดวกครบ พื้นที่ห้องนอน และห้องน้ำ กว้างในระดับที่พอดี 

 

 

พื้นที่ส่วนกลางด้านนอก มีทั้งสระว่ายน้ำ ร้านอาหาร รวมทั้งมุมนั่งเล่นพักผ่อนริมทะเล มองไปข้างหน้า คือ ทะเลที่เงียบสงบ ยามน้ำลดยังได้เห็นสันดอนทราย ไล่สีสลับกันจนกลายเป็นทะเลแหวกที่สวยงาม จนได้ชื่อ ว่าเป็นทะเลแหวกแห่งเมืองสตูลอีกหนึ่งจุดที่ชมได้ชายหาด 

 

 

 

จุดชมวิวปากบารา

หลังจากเช็คอินพักผ่อนยังที่พักแล้ว มาชมบรรยากาศ บริเวณ จุดชมวิวปากบารา ไม่ไกลจากที่พัก มีป้ายชื่อขนาดใหญ่สีแดงโดดเด่นบนลานกว้าง และรูปปั้นปลากระโทงร่มยักษ์  กลายเป็นแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายภาพ ยามเย็นช่วงแดดร่มชาวสตูลจะพา ครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นประจำ ช่วงที่หาดปากบาราสวยงามที่สุด คือ ช่วงพระอาทิตย์ตกที่มีแสงสีของดวงอาทิตย์และท้องฟ้าหลากสีสวย ได้มีโอกาสคุยกับคนสตูล บอกว่ามานั่งมองพระอาทิตย์ตกที่หาดอยู่บ่อยครั้ง เพราะในแต่ละวันสวยไม่เหมือนกัน ขนาดคนในพื้นที่เห็นภาพทุกวันยังมองไม่เบื่อ เราต้องเชื่อแล้วมั้ยว่าสวยจริง 

 

 

แน่นอนหากเทียบกับความสวยงามของน้ำทะเลอาจเป็นรองเกาะหลีเป๊ะอยู่มาก  แต่ถ้าพูดถึงบรรยากาศสุดชิลที่เหมาะสำหรับมาพักผ่อน รับรองว่าหาดปากบาราไม่เป็นรองหาดหรือเกาะไหนแน่นอน

 

 

ถัดไปจากจุดชมวิว มีร้านอาหารทะเลหลายร้าน สามารถเลือกทานได้ชอบ 

 

 

มีคาเฟ่เพียงแห่งเดียวที่ตั้งโดดเด่นอยู่ติดทะเลและริมถนน  ชื่อว่า มาบารา คาเฟ่  ร้านเล็กๆริมทะเล ตกแต่งในโทนสีขาว โดดเด่นด้วยกำแพงอิฐ หน้าต่างกระจกตัดด้วยขอบไม้สีอ่อน  ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ที่นั่งด้านในทั้งแบบเก้าอี้ไม้แบบเอิร์ธโทน ที่นั่งริมหน้าต่างกระจกวิวถนนประดับด้วยผ้าม่านพริ้วไหว และที่นั่งริมหน้าต่างกระจกที่มองออกไปเห็นทะเล รวมทั้งที่นั่งในโซนข้างนอกติดกับชายหาดแบบเดินไม่กี่ก้าว

 

 

เมนูของร้านมีทั้งเครื่องดื่มแบบร้านคาเฟ่ทั่วไป ขนมเบอเกอรี่ รวมทั้งอาหารคาวแบบจานเดียว เราสั่งน้ำอัญชันมะนาว และข้าวไข่ข้นปูมาทาน รสชาติดีทั้งเครื่องดื่มและอาหาร

 

 

บริเวณหาดปากบารายังมีที่พักน่ารัก เป็นที่พักของชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูกที่สร้างขึ้น เดินผ่านถึงกับต้องหยุดหันมองว่า ร้านอะไร จนได้ทราบว่าเป็นที่พักของชุมชน มีความทันสมัยมินิมอลมาก  ที่พักมีคูหาเดียวเล็กๆตามภาพ โดยมีความลึกยาวไปจนถึงทะเล โดยแบ่งซอยเป็นแบบห้องติดกัน ราคาห้องไม่ติดทะเลราคา 700 บาท มีประมาณ 3 ห้อง 

 

 

ส่วนห้องติดทะเลตามภาพอยู่ในสุด  ราคาคืนละ  800 บาท เท่านั้น ห้องกว้างขวางติดทะเลแบบแนบชิดมาก ห้องนี้ต้องจองล่วงหน้าสักนิด เพราะฮอตมากเต็มตลอด ใครสนใจพักติดต่อที่เบอร์ของชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก โทร 081 478 3517 , 085 355 4776

 

 

สะพานข้ามกาลเวลา

4 โมงเย็น แวะไปที่  สะพานข้ามกาลเวลา อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ตั้งอยู่ในโซนหาดปากบารา ที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง  ในพื้นทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เมื่อมาถึงชำระอัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ  ชาวไทย  ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท  ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท  มีทางเดินริมทะเลทอดยาวเลียบภูเขาที่เรียกว่า เขาโต๊ะหงาย  เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมทะเล ช่วงหนึ่งของหน้าผามีสีสันของชั้นหินที่แตกต่างมีการพบรอยสัมผัสของหิน 2 ยุค คือ หินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน  และ หินปูนยุคออร์โดวิเชียน ซึ่งมีอายุต่างกันถึงกว่า 400 ปี  โดยรอยสัมผัสของหินทั้งสองยุค เกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่มีความชัดเจนและหาดูได้ยาก เสมือนหนึ่งว่าสามารถข้ามกาลเวลาจากยุคแคมเบรียนไปสู่ยุคออร์โดวิเชียนได้แค่เพียงก้าวผ่าน 

 

 

เส้นทางเป็นทางเดินยกสูงริมทะเลเลียบหน้าผาหิน จุดแรก เป็นที่ตั้งของบ้านพักอุทยานและร้านอาหารของอุทยานที่เราสามารถแวะทานอาหารได้ สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำมาเที่ยวชมบรรยากาศ คือ ช่วงเย็นประมาณ 4 โมงเย็น เพราะสามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เรามาช่วงเย็นแต่สภาพอากาศในวันที่เดินทางมีฝนทำให้ฟ้าครึ้ม แอบเสียดายอีกแล้ว

 

 

เดินมาได้นิดนึงเริ่มเข้าสู่ยุคออร์โดวิเชียน ซึ่งหน้าผาหินในยุคนี้ คือหินปูนสีดำ มีต้นไม้สีเขียวขึ้นแซมบริเวณหน้าผาหิน มองเห็นพื้นน้ำทะเลสีเขียว มีศาลาชมวิวอยู่ข้างบนด้วย 

 

 

เมื่อมาถึงครึ่งทางสีของหินและหน้าผาจะเริ่มกลายเป็นหินทรายสีแดง นั่นหมายถึงกำลังเดินเข้าสู่ยุคแคมเบรียน ผ่านจุดไฮไลท์ คือ หินสองก้อนที่มีลักษณะปลายแหลมโดดเด่นท่ามกลางสะพาน จนมาถึงป้ายเขตข้ามกาลเวลา ที่สามารถเห็นรอยต่อของหินในสองยุคได้แบบชัดเจน และหน้าผาหินในช่วงนี้จะเริ่มเป็นสีแดง ตลอดทางเดินบนสะพานสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลและวิวเกาะของทะเลสตูล ยืนชมวิวไปก็คิดว่าถ้าสภาพอากาศดีกว่านี้ คงเป็นสถานที่ที่สวยมาก ได้แสงอาทิตย์ในยามเย็นส่องกระทบลงมายังหน้าผาหินและท้องทะเล คงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านเข้าไปในอีกยุคหนึ่งจริงๆ

 

 

ประมาณ 6 โมง ครึ่ง กลับมายังที่พักเพื่อทานอาหารเย็น ทางที่พักมีร้านอาหารให้บริการด้วย สั่งปลาอินทรีย์ทอด และกุ้งผัดซอสมะขามมาทาน รสชาติดีค่ะ 

 

 

 นั่งทานอาหารพร้อมชมบรรยากาศของดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ถึงแม้สภาพอากาศช่วงเย็นเริ่มครึ้มไม่ค่อยเคลียร์นัก ยังได้เห็นภาพแบบนี้ แล้วถ้าอากาศโปร่ง จะสวยขนาดไหน สมกับที่คนพื้นที่ได้บอกไว้ว่า ชอบมานั่งมองพระอาทิตย์ตกที่หาดเกือบทุกวัน เห็นภาพบรรยากาศด้วยตาตัวเองถึงบางอ้อ  ไม่ใช่แค่แสงสีที่สวยงามของธรรมชาติ แต่ความรู้สึกมันได้ด้วย ภาพเรือประมงที่ขับผ่านไปมาลำแล้วลำเล่า นั่งมองแล้วรู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายของการดำเนินชีวิต เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่น มีความสุขใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า 

 

 

 

วันที่สอง

 

ปราสาทหินพันยอด

ไม่อยากให้พลาดมากๆ สำหรับ ปราสาทหินพันยอด อีกหนึ่งที่เที่ยวในโซนหาดปากบารา ท่าขึ้นเรืออยู่ติดกับที่พัก sea see resort หลังจากทานอาหารเช้ายังที่พักแล้ว รถของชุมชนก็มารับถึงหน้ารีสอร์ท ปราสาทหินพันยอด  ตั้งอยู่ที่เกาะเขาใหญ่ภายในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของการเที่ยวสตูลที่ไม่ควรพลาด มาเที่ยวชมภาพทะเลสีมรกตและหาดทราย ที่โอบล้อมด้วยกำแพงหินปูนสีดำยอดแหลมจำนวนมากคล้ายกับยอดปราสาท จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ ปราสาทหินพันยอด ซึ่งตั้งอยู่ใม่ไกลจากฝั่งมาก สามารถเที่ยวได้แบบ one day trip โดยใช้เวลาท่องเที่ยวเพียงครึ่งวันเท่านั้น

 

 

ปราสาทหินพันยอด ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ 3 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่สนใจมาเที่ยวปราสาทหินพันยอด สามารถติดต่อซื้อแพคเกจท่องเที่ยวได้กับทางท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก โดยคิดราคาคนละ 800 บาท หรือหากพักยังรีสอร์ทแถวท่าเรือปากบารา ส่วนใหญ่จะขายแพคเกจน้ำเที่ยวปราสาทหินพันยอดด้วยราคาเดียวกัน ไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือของรัฐวิสาหกิจชุมบ้านบ่อนอกใกล้ท่าเรือปากบารา สำหรับโปรแกรมนำเที่ยว จุดหมายปลายทางหลักคือ ปราสาทหินพันยอด และมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นในเส้นทาง คือ สันหลังมังกรบ้านบ่อเจ็ดลูก อ่าวฟอสซิล  อ่าวโต๊ะบะ ชมหินรูปหัวใจ อ่าวตะโล๊ะมินแต เรือที่นั่งคือ เรือหางยาว

 

 

ระหว่างทางผ่านพื้นที่ป่าชายเลน และหินรูปร่างแปลกตาต่างๆมากมาย ทั้งหินตาหินยาย หินเรือสำเภา ซึ่งทางไกด์ก็จะเล่าเรื่องตำนานของหินต่างๆให้เราได้ฟัง

 

 

 

จุดต่อไป คือ ทะเลแหวกสันหลังมังกรบ้านบ่อเจ็ดลูก ที่มองเห็นเป็นสันทรายสีขาวกลางทะเล มาในช่วงน้ำขึ้น และอากาศค่อนข้างครึ้มและมีฝนตกโปรยๆลงมาบ้าง อาจจะเห็นความงดงามไม่ได้ชัดเจนนัก

 

 

ผ่านสันหลังมังกร มาถึงจุดหมายหลัก ปราสาทพันยอด ซึ่งต้องจอดเรือไว้ข้างนอกและนั่งเรือคายัคเข้าไป เพราะช่องทางเข้าไปค่อนข้างเล็กเรือหางยาวไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ โดยมีไกด์พายเรือพาเราเข้าไปค่ะ แต่หากใครสามารถพายคายัคเองได้ก็พายเข้าไปได้เลย ระยะทางนิดเดียว ลอดช่องประตูไปก็มาถึงหาดทรายบริเวณปราสาทหินพันยอด ซึ่งน้ำบริเวณนี้ไม่ได้ลึกมาก

 

 

ช่วงเวลาที่เรือผ่านช่องประตูเข้ามาแล้วมาเห็นภาพของปราสาทหินพันยอด สุดอลังการที่อยู่เบื้องหน้าเป็นอะไรที่ว้าวมาก ตอนแรกคิดว่ามาเจอสภาพอากาศที่ไม่ค่อยสดใส คงไม่ได้เห็นภาพที่สวยเท่าใดนัก แต่ผิดคาดแม้อากาศครึ้มฝนตกโปรยๆลงมายังสวย  มองเห็นหาดทรายและลากูสีเขียวที่ตัดกับปราสาทหินสีดำที่มีปลายแหลม มีลวดลายหินรูปทรงแปลก

 

 

ปราสาทหินพันยอด เกิดจากเมื่อหลายล้านปีก่อนน้ำใต้ดินได้กัดเซาะ และละลายหินปูนที่อยู่ใต้ดินจนเกิดเป็นโพรงมากมาย โพรงขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆจนเชื่อมกันเป็นโพรงใหญ่ ต่อมาหินปูนถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นหินปูนเทือกเขาเกาะเขาใหญ่ เพดานของโพรงที่อยู่ในหินปูนถูกน้ำกัดเซาะจนบางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเกิดการยุบตัวลงมากลายเป็นหลุมหยุบในภูเขาซึ่งเกิดเป็นปราสาทหินพันยอด สถานที่ท่องเที่ยวที่ Unseen แห่งสตูล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางรองจากการมาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ

 

 

หลังจากชมความงามของปราสาทหินพันยอดแล้ว นั่งเรือออกมาผ่านอีกช่องหนึ่ง ระหว่างที่นั่งเรือผ่านออกมาทางช่องหิน ยังได้ชมความสวยงามของภูเขาหินปูนได้อีกมุมหนึ่ง

 

 

จากนั้น พี่คนขับเรือ พามาชมหินฟอสซิสในยุคดึกดำบรรพ์ ที่อ่าวตะโล๊ะมินแต ทั้งหินที่ถูกกัดเซาะจนกลายเป็นรูปหัวใจ รวมทั้งเวิ้งอ่าวที่มีหินรูปร่างต่างๆ บริเวณหน้าผาหิน ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นโพรงถ้ำและรูปขนาดใหญ่ เป็นประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างสรรค์จริงๆ

 

 

มาต่อที่ อ่าวโต๊ะบะ ซึ่งบริเวณอ่าวนี้ คือ จุดพักทานข้าวและมีห้องน้ำด้วยจุดนี้จะพาไปชมหินฟอสซิลโบราณ 450 ปี และหอยงวงช้าง ไปตามหาหินรูปหัวใจที่ปลายผา ที่มองผ่านไปจะเห็นเป็นรูปหินหัวใจขนาดเล็กที่ตัดกับผืนน้ำสีเขียว

 

 

ก่อนกลับไปยังท่าเรือ พี่คนขับใจดีแถมให้ พาไปชมทะเลแหวกสันหลังมังกรบริเวณท่าเรือปากบารา ซึ่งหากใครนั่งเรือสปีดโบ๊ทขากลับจากเกาะหลีเป๊ะ จะมองเห็นสันทรายสีน้ำตาลโดดเด่นบริเวณท่าเรือที่ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล ส่วนตัวเราว่าทะเลแหวกตรงจุดนี้ ค่อนข้างกว้างมองเห็นริ้วทราย และซากเปลือกหอยที่ทับถมบริเวณหาดทรายถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงาม

 

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

จองแพคเกจท่องเที่ยวปราสาทหินพันยอด ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก โทร 081 478 3517 , 085 355 4776 หรือสามารถซื้อแพคเกจทัวร์กับทางบริษัททัวร์หรือรีสอร์ทที่เข้าพักบริเณท่าเรือปากบาราได้โดยตรง

ทริปช่วงเช้า ขึ้นเรือ เวลา 9.00 น. ทริปช่วงบ่าย ขึ้นเรือ เวลา 14.00 น.

800 บาท/ท่าน (ครึ่งวัน 4-5 ชม.)  *เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี คิดครึ่งราคา 

อัตราค่าบริการรวม
1.ค่าเรือหางยาวนำเที่ยว
2.ค่าอาหารเที่ยว ข้าวกล่อง น้ำดื่ม
3.ค่าชูชีพ
4.ค่าเรือคายัค
6.ค่าไกด์นำเที่ยว

 

บาร์เล่คาเฟ่

บริเวณชายหาดที่ขึ้นเรือไปปราสาทหินพันยอด ยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่สุดฮอตอีกหนึ่งแห่งของหาดปากบารา บาร์เล่คาเฟ่ คาเฟ่ที่ตกแต่งได้ชิคมาก ฟีลออนเดอะบีชแนวเร้กเก้ชาวเกาะนิดๆ  ร้านจะเปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เป็นคาเฟ่ริมทะเล มีทั้ง เครื่องดื่ม ผลไม้ปั่น ชา กาเเฟสด ของทานเล่น อาหาร ยำ ส้มตำ มากมายให้เลือกทาน

 

 

ในแต่ละมุมของร้านตกแต่งสวยงาม สีสันสดใส น่านั่งเล่นมาก ถ้าอากาศเคลียร์มองวิวทะเลสีฟ้ากันแบบเพลินๆ สบายตากันไปเลย ร้านนี้วิวเดียวกับ Sea see resort เพราะอยู่ติดกัน  สามารถเดินผ่านชายหาดจากรีสอร์ท มานั่งเล่นจิบเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ตกจากหน้าร้าน ก็สวยงามไม่แพ้กัน

 

 

บารา โรตี

จบทริปด้วยการกิน  ไปจังหวัดไหนชอบที่จะเข้าถึงวัฒนธรรมการกินของพื้นที่นั้น เมนูไหนเด็ดขึ้นชื่อต้องตามไปชิมหมด มาสตูลต้องไม่พลาด โรตี ข้าวยำ ชาชัก เมนูท้องถิ่นที่คนสตูลทานได้ทั้งวัน ตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ บริเวณท่าเรือปาบารามีร้านโรตีหลายร้าน เราแวะมามาทานที่ร้านชื่อดัง บาราโรตี ร้านเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ปิดประมาณช่วงบ่ายสอง  หากมารอขึ้นเรือไปหลีเป๊ะ หรือกลับมาถึงท่าเรือแล้ว แวะมาทานร้านนี้ได้

 

 

อาหารเน้นเมนูฮาลาล ทั้งข้าวยำ โรตีแบบธรรมดา โรตีแกง มะตะบะ  ข้าวยำ รสชาติอาหารดี หักคะแนนแค่โรตีมะตะบะที่น้ำจิ้ม และอาจาดแตงกวาหวานไปนิด 

 

 

เมนูเด็ดที่อยากนำเสนอมากๆ ต้องสั่งมาทาน คือ  ข้าวเหนียวปลาเค็ม เห็นหน้าตาธรรมดาดูบ้านๆแต่รสชาติไม่ธรรมดา ข้าวเหนียวทำมาพิเศษใส่น้ำกะทิไปด้วยคล้ายข้าวเหนียวมูล เนื้อข้าวเหนียม นุ่มมัน ส่วนปลา คือ ปลาหลังเขียวแดดเดียว เป็นปลาท้องถิ่นหาทานยาก ทอดแบบกรอบนิดๆ ทานคู่กันแล้วอร่อยมาก ติดใจจนต้องขอซื้อปลากลับบ้าน  

 

 

อีกหนึ่งเครื่องดื่มชาชักใต้ กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น ไม่ต้องพูดถึงอร่อยอยู่แล้ว

 

 

หาดปากบารา  ไม่ใช่แค่ท่าเรือไปหลีเป๊ะเท่านั้น แต่เป็นของดีเมืองสตูล ที่ไม่อยากให้มองข้าม ชายหาดแห่งนี้ เงียบสงบสวยงาม มีที่เที่ยวสวย  ร้านอาหาร คาเฟ่ให้นั่งชิล และสิ่งที่ทำให้อุ่นหัวใจ คือ คนสตูลน่ารักมาก เป็นมิตร ใจดี ยิ้มเก่ง “สตูล”  ไม่ได้มีดีแค่เกาะหลีเป๊ะแล้วสิ

 

 

หาที่พักหาดปากบารา คลิ๊ก  12 ที่พักใกล้ท่าเรือปากบารา พักเดินทางต่อไปหลีเป๊ะ

 

 

จากหาดปากบาราไปเที่ยวต่อหลีเป๊ะ คลิ๊ก คู่มือเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ เที่ยว กิน พัก ครบ