เที่ยวชัยภูมิ 2 วัน 1 คืน อัพเดทที่เที่ยวสุดว้าว เที่ยวได้ทั้งปี
อยากไปเที่ยวชัยภูมิ ไม่ต้องรอให้ทุ่งดอกกระเจียวบานเสมอไป เพราะจังหวัดนี้มีอะไรดีมากกว่าทุ่งดอกกระเจียวอีกมายมายรอแต่เพียงให้เดินทางมาสัมผัส สถานที่บางแห่งสวยงามและหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าชัยภูมิมีสถานที่แบบนี้ด้วย สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ ไม่ต้องง้อวันลา
วันแรก
10.30 น.ชมวิวระหว่างทาง ทุ่งกังหันลมเทพสถิต
เราเดินทางออกจากกรุงเทพแต่เช้าประมาณ 6 โมงกว่า มุ่งหน้าสู่อำเภอเทพสถิต มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม แต่การเดินทางครั้งนี้แทนที่จะไปแวะทุ่งดอกกระเจียว แต่เราเปลี่ยนจุดหมายไปยังสถานที่อื่นในเทพสถิตบ้าง ซึ่งทราบมาว่าอำเภอนี้มีจุดแวะน่าสนใจหลายแห่ง เมื่อเข้าสู่ตัวอำเภอ เราจะมองเห็นกังหันลมขนาดใหญ่ ที่เรียกได้ว่าแทรกตัวอยู่เกือบทั้งเมือง เทพสถิต นอกจากเป็นเมืองแห่งทุ่งดอกกระเจียวแล้ว ยังเป็นเมืองแห่งทุ่งกังหันลมใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน เทพสถิตมีสภาพภูมิประเทศเป็นหุบช่องลมขนาดใหญ่ของเทือกเขาพังเหย ทำให้มีลมพัดตลอดทั้งปี เหมาะแก่การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลม ทำให้มีการสร้างกังหันลมหลายร้อยต้นกลายเป็นภาพทุ่งกังหันลมที่มองแล้วอเมซิ่งมาก ระหว่างทางเห็นมุมไหนสวยก็จอดรถและเดินลงไปถ่ายภาพได้
หรือสามารถเข้าไปชมแบบใกล้ชิดจะมีทางเข้าไปชมอยู่ตรงก่อนถึงครัวลุงหนวด บริเวณทางเข้าจะมีป้ายเล็กๆเขียนว่าวัดเขากำแพง เป็นลักษณะของทุ่งกังหันลมที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางพืชไร่ของชาวบ้าน
11.30 น. วัดเขาประตูชุมพล
จากนั้นเดินทางต่อเข้าไปยัง วัดเขาประตูชุมพล ตั้งอยู่ก่อนถึงทางขึ้นอุทยานฯ ป่าหินงามประมาณ 500 เมตรเป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้เบญจพรรณนานาชนิด มีความเป็นธรรมชาติสวยงามภายในบริเวณวัดมีศาลาปฏิบัติธรรมตั้งตระหง่าน สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดคือ ซุ้มประตูหินธรรมชาติ ชื่อว่า “ซุ้มประตูชุมพล” และลานหินที่มีโขดหินน้อยใหญ่มากมาย บรรยากาศภายในวัดยังคงเป็นแบบวัดป่าที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพันธ์เหมาะสำหรับการไปปฏิบัติธรรม พักผ่อนหย่อนใจหรือเดินเล่นเพื่อสงบจิตใจ
ซุ้มประตูชุมพลและพระประธาน ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวัด มีความเชื่อกันว่าเมื่อไปถึงแล้วให้อธิฐานขอพรพระแล้วเดินรอดซุ้มประตูชุมพล เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองทำกิจการงานใดๆ ก็จะประสบแต่ความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ลานโขดหินข้างศาลาปฎิบัติธรรม ที่มีความแปลกตาสวยงามด้วยรากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นปกคลุม
12.00 น ทานข้าวเที่ยงครัวจิตรบำรุง
ออกมาจากวัดเขาประตูชุมพล ผ่านบริเวณทางเข้าทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม มีร้านอาหารหลายร้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารอีสาน ขาย ไก่ย่าง ส้มตำ สามารถเลือกได้เลยว่าจะลงร้านไหน เราเลือกทานที่ ร้านครัวจิตรบำรุง เพราะดูจากหน้าร้าน น่าจะมีเมนูให้ทานหลายอย่าง สั่งส้มตำสายบัวปลาร้ากุ้งสด ส้มตำไทย ต้มยำไก่บ้าน ปลานิลเผา ปีกไก่ทอด โดยรวมรสชาติอาหารดี ราคาไม่แพง ติดที่ส้มตำปลาร้านั้นกลิ่นแรงไปหน่อย เมนูที่ชอบที่สุด คงเป็นปีกไก่ทอดที่ทอดมากรอบรสชาติดีมาก
13.00 น. วัดป่าเทพอินทรประดิษฐ์
ไปต่อยังสถานที่ในเส้นทางเดียวกัน ก็ยังคงเน้นเข้าวัดต่อไป อำเภอเทพสถิต มีวัดสวยที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด ที่ วัดป่าเทพอินทรประดิษฐ์ วัดที่สร้างจากความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมีพระอุโบสถสีทองอร่ามทั้งหลัง มีทั้งเจดีย์ทองและองค์พญานาคราชสีทองประดิษฐานล้อมรอบพระอุโบสถ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบ เหมาะกับมาทำบุญและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
วัดตั้งอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงามประมาณ 5 กม หากตั้งการเดินทางจาก google maps จะพาเข้าไปทางป่าสักหน่อย อย่างไรเมื่อใกล้ถึงทางเลี้ยวสอบถามเส้นทางจากชาวบ้านได้ จากถนนใหญ่ไปยังทางเข้าวัดค่อนข้างแคบและยังเป็นทางดินแดงลูกรังเล็กน้อย เมื่อมาถึงก็จะพบกับอุโบสถสีทอง ด้านหน้ามีสิงห์สองตัวตั้งเด่นเป็นสง่าเปรียบเสมือนผู้เฝ้าประตูวัด เดินตรงไปเป็นสนามหญ้าไปจนถึงทางเข้าอุโบสถ ด้านหน้ามีพระพุทธรูปหินทรายประดิษฐานอยู่ด้านหน้าและรอบอุโบสถ ถึงแม้ตัวอุโบสถจะไม่ใหญ่มาก แต่อเมซิ่งมากด้วยความงดงามของตัวอุโบสถสีทองและลวดลายหน้าบันแกะสลัก รวมทั้งบันไดพญานาคสีทอง ที่ล้อมรอบเปรียบเสมือนกำแพง
ด้านหลังอุโบสถ มีเจดีย์ทองขนาดใหญ่ มีความอลังการงดงามเช่นกัน ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกที่งดงามมาก เป็นอีกหนึ่งวัดในชัยภูมิ ที่สวยงามและสงบ และไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
14.00 น. ต้นแฝกคาเฟ่
ตั้งอยู่เยื้องกับข้ามกับทางเข้าวัด วัดป่าเทพอินทรประดิษฐ์ เราแวะพักผ่อน ที่ ต้นแฝก คาเฟ่ ร้านกาแฟสีเขียวสุดร่มรื่น ภายในร้านกว้างขวาง บรรยากาศคล้ายกับรีสอร์ท มีต้นไม้ ดอกหญ้าพริ้วไหว ร่มรื่นสบายตา เป็นร้านที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากในหลวง ร.9 จึงชื่อ ต้นแฝก การตกแต่งภายในร้านมีเรื่องราวและความทรงจำเกี่ยวกับในหลวง ร.9 ทั้งหมด เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม
เข้ามาภายในร้านต้องบอกว่าแอบแปลกใจ ในเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่าไม้ที่ไม่ใช่ชุมชนเมืองมากนัก จะมีร้านกาแฟที่ดีไซน์แบบโมเดิร์นที่ตกแต่งได้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ น่าเข้าไปนั่งพักจิบเครื่องดื่มหลังจากแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ ในเส้นทางนี้ ด้านหน้าร้านเป็นทางเข้าเล็กๆที่ประดับด้วยหญ้าแฝก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน ต้นแฝก เป็นต้นหญ้าที่ใครก็ไม่เห็นคุณค่า แต่ในหลวง ร 9ทรงเห็นประโยชน์ว่าสามารถแก้ปัญหาหน้าดินถูกชะล้าง จึงได้มีการรณรงค์ให้ปลูกต้นหญ้าแฝกแต่นั้นมา
ตัวร้านเป็นแบบโอเพ่นแอร์เปิดโล่ง รับลมจากธรรมชาติ พื้นที่รอบร้านกว้างขวาง อากาศดีมาก มองไปทางไหนมีแต่ความเขียวขจี ภายในร้านซึ่งเป็นเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม ขายเฉพาะเครื่องดื่มอย่างเดียว ทั้งชา กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา บลูเลม่อน และสมูตตี้ เครื่องดื่มปั่นต่างๆ ที่นี่ไม่มีอาหารขาย ส่วนราคาเครื่องดื่ม ไม่แพงมาก อยู่ที่ 50-70 บาท
ในร้านมีพื้นที่เล็กๆที่แต่งเเต้มด้วยเรื่องราวและความทรงจำที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมรูปปั้นแบบต่างๆ ที่โดดเด่น คือ รูปปั้นเกือบเท่าพระองค์จริงทรงถือแผนที่เป็นภาพที่เราคุ้นเคยตา เครื่องดนตรีที่พระองค์ทรงโปรด รูปปั้นคุณทองแดง เป็นบรรยากาศที่ทำให้หวนระลึกและคิดถึงพระองค์อีกครั้ง
16.00 น. ทุ่งกังหันลมซับใหญ่
จากอำเภอเทพสถิต มุ่งหน้าไปยังอำเภอแห่งกังหันลมอีกหนึ่งแห่ง ที่อำเภอซับใหญ่โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ความรู้สึกแรกที่ได้เข้ามาในตัวอำเภอรู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์และสวยงาม อากาศดีมาก เหมือนเที่ยวอยู่บนดอยในโซนภาคเหนือ หากมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวคงฟินหน้าดู ตลอดสองข้างทางคือ พื้นที่สีเขียวของไร่มันสำปะหลัง ต้นไม้และทุ่งหญ้า และกังหันลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตลอดเส้นทางแทรกไปในเทือกสวน ไร่นาของชาวบ้านได้แบบกลมกลืน ในอำเภอซับใหญ่มีทุ่งกังหันลมที่สร้างเสร็จแล้วจำนวน 136 ต้น และจะมีโครงการสร้างเพิ่มอีกเพื่อเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาด ทุ่งกังหันลมซับใหญ่ จะมีจุดชมวิวที่สามารถเข้าไปชมได้แบบใกล้ชิดมากกว่าเทพสถิต เป็นวิวทุ่งหญ้ากว้าง ที่รายล้อมด้วยไร่มันสำปะหลัง และด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม ทำให้นอกจากจะใช้ผลิตพลังงานแล้ว ปัจจุบันยังส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย
ก่อนไปชมจุดชมวิวกังหันลม เราผ่านจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจระหว่างทาง คือ ผาหินห่าว จอดรถไว้บริเวณถนนหน้าทางเข้า ซึ่งมีการทำสะพานทอดยาวไปถึงจุดชมวิวเดินไปแค่ 100 เมตร ก็จะได้พบกับผาหิน ที่เบื้องหน้า คือ วิวของภูเขาและผืนป่าเขียว ณ จุดชมวิวแห่งนี้สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกและในช่วงเวลาเช้าในวันที่มีความชื้นสูง หรือฝนตกใหม่ จะได้เห็นสายหมอกลอยอยู่เหนือหุบเขาอีกด้วย
จุดต่อไป ที่เราแวะคือ ร้าน Touch the wind เป็นร้านกาแฟ ซึ่งน่าจะเป็นร้านเดียวในซับใหญ่ ความพิเศษของร้าน คือ โลเคชั่นที่มีวิวสวยมาก มองเห็นกังหันลมและไร่มันสำปะหลังที่ได้บรรยากาศสุดๆ วันที่ไปร้านกำลังตกแต่ง ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี เลยไม่ได้เก็บภาพโดยรวมในหน้าร้านมาได้ทั้งหมด แต่ทราบจากน้องมิคกี้ เจ้าของร้านว่าอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว น้องพาเราไปชมบรรยากาศชั้นสอง ซึ่งจัดเป็นโซนของร้านอาหารสไตล์หมูกระทะ ปิ้งย่าง และจัดโต๊ะได้อย่างพิถีพิถันมาก มีระเบียงชมวิวที่มุมนี้แหละแจ๋วสุดๆ เห็นวิวกังหันลมได้แบบพาโนรามา แถมมีที่นั่งแบบแปลโซฟาให้นั่งชิลอีกด้วย และกำลังมีโครงการก่อสร้างที่พักซึ่งคาดว่าาจะเสร็จเรียบร้อยในช่วงเดือนต.ค. เพื่อต้อนรับฤดูหนาว ลองนึกภาพนั่งกินปิ้งย่าง จิบเครื่องดื่ม เคล้าบรรยากาศเย็น คงฟินมาก หน้าหนาวไม่ต้องหาอากาศเย็นทางเหนือ มาซับใหญ่ ชัยภูมิ นี่แหละใช่เลย
จากนั้นไปต่อยังชมจุดถ่ายภาพไฮไลท์ของทุ่งกังหันลม จากร้าน Touch the wind ประมาณ 200 เมตร จะมีซอยทางเข้าเป็นถนนดินผสมกับหินมีป้ายชื่อ บ้านหนองบัว หมู่ 11 ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยนั้น หากใครไปไม่ถูกสอบถามเส้นทางจากน้องมิคกี้เจ้าของร้าน Touch the wind ได้ น้องเป็นผู้รอบรู้ในซับใหญ่พ่วงตำแหน่งผู้นำชุมชนที่กำลังส่งเสริมเรื่องท่องเที่ยวที่ยินดีให้ข้อมูลค่ะ หลังจากเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านหนองบัว จากนั้นขับรถตรงไป จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปยังจุดที่ต้นกังหันลมเยอะๆ เส้นทางนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการชมวิวทุ่งกังหันลม ชอบมุมไหนก็ลงไปถ่ายภาพได้เลย สวยตลอดเส้นทาง คือ เราลงไปถ่ายภาพตลอด ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพนี้ถ่ายตรงจุดไหน เพราะเห็นสวยปุ๊บจอดรถลงเลย
ระหว่างทางผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน เห็นต้นข้าวสีเขียวไล่โทนสี บนดินสีน้ำตาล มองไปเบื้องหน้า คือ ไร่มันสำปะหลัง มีกังหันลมตั้งเรียงรายบนเนินเขาเตี้ยๆ แบบว้าวมาก ต้องรีบจอดรถและลงไปถ่ายภาพ คือ เป็นทุ่งกังหันลมที่ถ่ายภาพแล้วรู้สึกว่าได้ฟีลความเป็นท้องถิ่นแบบโลคอลได้ดีมาก
ขับชมวิวไปเรื่อยๆ ผ่านพำนักสงฆ์ รัตนบรรพต ไปจนถึงศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงซึ่งเป็นศูนย์ของน้องมิคกี้ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตร การทำ work shop ขนาดเล็ก ซึ่งตรงจุดนี้ก็สามารถชมวิวของกังหันลมได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง
จากนั้นกลับไปยังเส้นทางเดิมมาถึงซอยเล็กๆที่มีป้าย “พำนักสงฆ์ รัตนบรรพต” ก็ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปจะเห็นป้ายชื่อเลขของต้นกังหันลม ซึ่งเขียนไว้บนป้ายสีขาวขนาดเล็กหลายเลขมาก โดยรหัสตัวอักษรจะขึ้นต้นด้วย TG ให้ไปตามตำแหน่งที่ตั้งของกังหันลม TG13 หรือต้นที่ 13 นั่นเอง ระหว่างทางก็จะเห็นวิวของกังหันลมที่อยู่ข้างล่างอยู่ไกลๆ มองผ่านไร่มันสำปะหลัง คือ วิวดีมาก
ก่อนถึงกังหันลมต้นที่ 13 สามารถจอดรถและเดินถ่ายรูปได้ตลอดทาง เพราะวิวสวยมาก ยิ่งมาในช่วงเย็นแสงสวยส่องกระทบลงมาบนดอกหญ้าที่กำลังปลิวไสว มีความงดงามสุดๆ แถมยังสามารถเข้าไปดงดอกหญ้าแล้วถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้อีกด้วย
อำลาแสงสุดท้าย ของวิวทุ่งกังหันลมซับใหญ่ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ชัยภูมิไม่ได้มีดีแค่ทุ่งดอกกระเจียว และมอหินขาวอีกต่อไป แต่ยังเป็นถิ่นของทุ่งกังหันลม ที่มีวิวทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติและสวยงามเข้ากับบรรยากาศในสไตล์ท้องถิ่น ที่สำคัญสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
19.30 น. เข้าพักในตัวเมืองชัยภูมิ
เดินทางต่อเข้าไปยังตัวเมืองชัยภูมิ เพื่อไปยังที่พัก โรงแรมพอคเกตพาร์ค โรงแรมใหม่ใจกลางเมืองชัยภูมิ ที่ค่อนข้างสะดวกสบาย ห้องกว้างขวาง เตียงนอนนุ่มสบาย ในราคาแค่คืนละ 800 บาท สำหรับใครเดินทางมาเที่ยวชัยภูมิ และหาที่พักในตัวเมืองที่เดินทางสะดวกใกล้แหล่งท่องเที่ยว ที่กิน ในตัวเมือง หรือต้องการแวะพักเพื่อไปต่อยังที่เที่ยวในอำเภอใกล้เคียง จองที่พักโรงแรมพอคเกตพาร์ค คลิ๊ก จองที่พักราคาพิเศษ
วันที่สอง
08.00 น. มอหินขาว
ตื่นเช้าสักหน่อย รีบเก็บของออกจากโรงแรมประมาณ 7 โมง เพื่อไปต่อยังจุดท่องเที่ยวต่อไป มอหินขาว ที่เที่ยวยอดฮิตของชัยภูมิ ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน มอหินขาว ตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ มีลักษณะเป็นเสาหินและแท่งหิน เป็นปฏิมากรรมที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆกลายเป็นกลุ่มหินที่มีความสวยงามแปลกตา กลุ่มหินที่มอหินขาว เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง มอหินขาว มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เส้นทางไปยังมอหินขาว เป็นถนนราดยางตลอดทางไปจนถึงจุดชมวิวผาหัวนาค เมื่อมาถึงมอหินขาวก็จะถึงกลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็น ไฮไลต์ของการมาเที่ยวมอหินขาว
ถัดจากกลุ่มหินชุดแรก คือ กลุ่มหินโขลงช้าง อยู่ห่างจากลุ่มแรกประมาณ 500 เมตร มีแท่งหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย มีรูปร่างคล้ายเจดีย์ กระดองเต่ารองเท้าบูท และบริเวณหินกลุ่ม นี้เรายังสามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้
ถัดจากกลุ่มหินกลุ่มหินโขลงช้าง จะผ่านด่านของอุทยานฯ ชำระเงินค่าผ่านทางคนละ 20 บาท ภายในบริเวณนี้มี ลานกางเต็นท์ หลายจุด ที่นักท่องเที่ยวสายแคมปิ้งนิยมนำเต้นท์มาตั้งแคมป์ สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติ ซึ่งในช่วงเช้าจะมีสายหมอกปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่
มาถึงสุดทางที่จุดชมวิวผาหัวนาค ตรงข้ามกับป้ายจุดชมวิวมีร้านอาหารขนาดเล็กให้บริการ ขายอาหารตามสั่งแบบจานเดียวง่ายๆ เช่น ข้าวไข่เขียว ข้าวหมูกระเทียม และเครื่องดื่มชา กาแฟ ต่างๆ
ทางเดินจุดชมวิวผาหัวนาค ที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอกในยามเช้า อากาศเย็นสบาย หากอยากเห็นวิวข้างล่างแบบชัดเจน แนะนำให้มาช่วงสายไปแล้ว ซักประมาณ 10 โมงเป็นต้นไป หรือมาในช่วงบ่ายแก่ๆ จุดชมวิวผาหัวนาค บริเวณผาหินมีลักษณะรูปร่างคล้ายพญานาค
รายละเอียดเพิ่มเติม
การเข้าชมมอหินขาว เสียค่าธรรมเนียมให้กับอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท ที่นร่ไม่มีบ้านพักให้บริการรวมถึงเต้นท์ให้เช่า หากนักท่องเที่ยวสนใจค้างแรมต้องนำเต้นท์มาเอง สำหรับใครที่ต้องการนอนพักค้างแรมในจุดกางเต็นท์จะมีค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็กคนละ 40 บาท โดยบริเวณลานกางเต็นท์จะมีร้านค้าร้านอาหารขนาดเล้ก และห้องน้ำไว้ให้บริการ
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 0 4481 0902-3
09.30 น. วัดพระธาตุชัยภูมิ
พระมหาธาตุรัชมงคลเจดีย์สิริชัยภูมิ หรือ พระธาตุชัยภูมิ ตั้งอยู่อำเภอแก้งคร้อ ไม่ไกลจากมอหินขาว บนเนินสูงของภูแลนคาเป็นที่บรรจุพระธาตุ มีอาคารและสิ่งก่อสร้างที่มีศิลปทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มองเห็นวิวแบบพาโนรามารอบทิศ ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา ที่นี่ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ผู้คนที่สนใจในการฏิบัติธรรมเข้ามาปฏิบัติธรรม เนื่องจากว่าเป็นวัดที่สงบ บรรยากาศร่มรื่นและเต็มไปด้วยธรรมชาติ ทางขึ้นไปยังพระธาตุผ่านบันไดนาคสีขาวที่มีลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ผ่านซุ้มประตูสุดอลังการสีขาวที่มีลวดลายที่งามไม้แพ้กัน มาถึงด้านบนเป็นลานกว้าง บรรยากาศรอบเจดีย์ทิวทัศน์กว้างไกล สงบ ลมเย็นมาก ตรงกลางคือ พระธาตุเจดีย์สีขาว ยอดพระธาตุเป็นสีทองคำอร่าม รูปแบบของพระเจดีย์นั้นเป็นศิลปะล้านนาผสมผสานกับศิลปะแบบล้านช้าง ซึ่งด้านบนพระธาตุนั้นมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนสีทองอร่ามอยู่ทั้ง 4 ทิศ
ภายในพระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ด้านในมีจิตรกรรมฝาผนัง และการประดับประดาบุษบกที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่งดงามมาก บริเวณผนังทั้งสี่ด้านมีพระพุทธรูปขนาดเล็กรอบผนังเยอะมาก
บริเวณรอบพระเจดีย์มีวิหารราย ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะหลากหลายสมัย ทั้งเชียงแสน อู่ทอง สุโขทัย ล้านช้าง มีทางเดินออกไปสู่ลานระเบียงซึ่งเป็นจุดชมวิว มีพระพุทธรูปสีขาวปางประธานพร ประดิษฐานอยู่ตรงกลางระเบียงสวยงามโดดเด่น เป็นจุดให้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเขียวขจีของจังหวัดชัยภูมิ นอกจากนี้บริเวณรอบพระเจดีย์ ยังมีลานชมวิวที่ลดหลั่นลงไปอีกด้วย
ลงบันไดนาคอีกฝั่งไปยังพื้นที่ด้านล่าง จะพบกับอนุสาวรีย์ พระยาภักดีชุมพล ผู้สร้างเมืองชัยภูมิ ลงไปด้านล่างจะเป็นบันไดนาคอีกฝั่งซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง พระธาตุชัยภูมิ อีกหนึ่งสถานที่แนะนำ ถ้ามาเที่ยวชัยภูมิต้องไม่พลาดแวะมากราบพระธาตุ ชมสถาปัตยกรรมลวดลายปูนปั้นที่แปลกตา พร้อมชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขา เรียกได้ว่าอิ่มบุญและอิ่มใจสุดๆ
10.30 น. ร้านกาแฟ steak & coffee
ลงจากพระธาตุชัยภูมิ มีร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ก่อนถึงพระธาตุ เห็นบรรยากาศร้านร่มรื่น กลางสวนและต้นไม้สีเขียว แวะเข้าไปพักทานอาหารสักหน่อย หน้าร้านมีป้ายเขียนว่า steak & coffee จัดร้านแบบโปร่งสบายแบบโอเพ่นแอร์ทั้งหมด
เป็นร้านกาแฟที่ขายทั้งเครื่องดื่มและเมนูประเภทสเต๊ก ไส้กรอกรมควัน สปาเก็ตตี้ ที่รสชาติอร่อยมาก สารภาพตามตรงว่า ตลอดเวลาที่อยู่ชัยภูมิแวะทานอาหารท้องถิ่นประเภทส้มตำ แจ่วฮ้อน ตามร้านดังในรีวิวอยู่ร้านหลาย ทั้งที่เป็นอาหารโปรด แต่กลับไม่ค่อยประทับใจรสชาติเท่าไหร่ มาชอบสเต็กกับไส้กรอกรมควันร้านนี้ ทั้งที่เป็นเมนูที่ไม่ได้ชอบทานมาก แต่รสชาติได้ใจไปเต็มๆ สเต๊กซี่โครงหมูเนื้อนุ่มมากหมักอย่างดี ไส้กรอกรมควันชิ้นใหญ่ใช้ไส้กรอกเกรดดี เฟรนฟรายทอดอร่อยกรอบนอกนุ่มใน ที่สำคัญราคาไม่แพงหลักร้อยต้นๆแต่คุณภาพพรี่เมี่ยม ที่บางแห่งขายกันสองร้อยอัพ ร้านเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนถึงเย็น หยุดทุกวันอังคาร
12.00 น. Pine camp
จากร้านกาแฟ steak & coffee ไม่ถึง 10 นาที มาถึงร้านต่อไป Pine camp แคมป์สน คาเฟ่ริมเขื่อนลำปะทาว ท่ามกลางหุบเขา แห่งอำเภอแก้งคร้อ ชัยภูมิ ความเก๋ของร้าน คือ ซุ้มนั่งแบบกระท่อม มองวิวทะเลสาบ ภูเขาและผืนหญ้าเขียว ที่มีสะพานไม้ไผ่เชื่อมกันทั้งสามหลัง ในบรรยากาศแบบส่วนตัว ให้นั่งจิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร สุดชิลรับลมเย็นแบบเพลินๆได้ตลอดทั้งวัน
ที่นั่งภายในร้านทั้งแบบในร่ม และระเบียงด้านนอก สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาปของเขื่อนลำปะทาว แต่หากมาเที่ยวในช่วงแล้ง น้ำในเขื่อนก็จะแห้งจนแห็นพื้นหญ้า แต่ถ้ามาในช่วงน้ำเต็มซึ่งเป็นฤดูฝนแบบเต็มๆ น้ำก็จะขึ้นมาเกือบถึงร้าน แต่ขนาดเรามาเที่ยวในฤดูฝนกลางเดือน ก. ค. น้ำก็ยังแห้งมาก เพราะปีนี้ฝนตกน้อยมาก
ซุ้มนั่งกระท่อมริมน้ำ พร้อมหมอนรองนั่งสีส้มจี๊ขนาดใหญ่ ที่สามารถเอนกายนอนได้อย่างชิลมาก ตามที่บอกตอนนี้น้ำแห้งมากจนเห็นพื้นหญ้าถ้าน้ำเต็มก็จะขึ้นมาเกือบถึงสะพานไม้ไผ่ ให้ได้นั่งห้อยขาวริมน้ำกันได้ แต่ถึงไม่มีน้ำบรรยากาศก็สวยมองเห็นวิวภูเขาและสายน้ำที่แห้งขอดอยู่เบื้องหน้า เห็นแม้แดดร้อนๆ แต่อากาศเย็นสบายมาก เพราะมีลมเย็นพัดเข้ามาตลอด จนอยากจะนอนหลับและไม่อยากลุกไปไหนกันเลยเดียว
นอกจากที่นั่งแบบกระท่อมริมน้ำแล้ว ยังมีที่นั่งแบบกล่องสี่เหลี่ยมดีไซน์โมเดิร์นให้เลือกนั่งอีกด้วย ซึ่งตัวอยู่บนสนามหญ้ามองเห็นวิวริมน้ำเช่นกัน
สำหรับอาหาร จะเน้นเมนูเครื่องดื่ม อาหารแบบตะวันตก เป็นอาหารทานเล่น และอาหารสไตล์ฟิวชั่น เมนูแนะนำ คือ พิซซ่า แป้งบาง ที่รสชาติอร่อยเลยทีเดียว สลัดผัด ผักสดมาก รวมทั้งเมนูอื่น เช่น ขนมปังทอดกระเทียม สปาเก็ตตี้ สเต๊ก อาหารจานเดียวแบบง่ายๆ
คาเฟ่ดี วิวสวยบรรยากาศธรรมชาติ ได้ความรู้สึกสงบเป็นส่วนตัว จนไม่อยากลุกไปไหน ที่ไม่ควรพลาดมาเช็คอินถ่ายภาพ จิบเครื่องดื่ม รับลมชมวิว เมื่อมาถึงชัยภูมิ
Pine camp แคมป์สน
พิกัด : เขื่อนลำปะทาว ตำบลเก่าย่าดี อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
เปิดให้บริการ : ทุกวันเสาร์ อาทิตย ตั้งแต่เวลา 11.30 น. – 18.00 น.
14.00 น. ชวนชมคาเฟ่
ก่อนกลับกรุงเทพ เข้าตัวเมืองชัยภูมิ แนะนำร้านคาเฟ่น่านั่งในตัวเมืองชัยภูมิอีกหนึ่งร้าน ชวนชมคาเฟ่ คาเฟ่ร่มรื่นกลางสวนท่ามกลางบรรยาศริมน้ำ มีพื้นที่กว้างขวาง ที่นั่งหลายโซนทั้งโต๊ะนั่งญี่ปุ่นมีแปลตาข่ายริมน้ำ ที่นั่งห้อยขาริมน้ำ และแบบห้องแอร์ พร้อมบริการทั้งเครื่องดื่ม อาหารจานเดียว ทานเล่น และของหวาน ขนมเบอเกอรี่ เป็นคาเฟ่ชัยภูมิที่มาแล้วรับรองว่าจะฟินไปกับบรรยากาศและอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารทั้งคาวหวานหลากเมนูให้เลือกสรร
เดินเข้ามาในบริเวณเคานเตอร์สั่งอาหาร และโซนที่นั่งในห้องแอร์เป็นแบบห้องกระจกมองเห็นวิวสระน้ำ ในส่วนของเมนูของคาวมีเยอะมาก ทั้งอาหารจานเดียวประเภทข้าว เช่น ข้าวหมูกระเทียม ข้าวหมูน้ำตก ข้าวผัดอเมริกัน ผัดไทย ข้าวไข่ขัน สปาเก็ตตี้ สลัด สเต๊ก และเมนูเครื่องดื่ม ทั้ง ชา กาแฟ แบบต่างๆ อิตาเลี่ยนโซดา รวมทั้งของหวานที่มีเยอะมาก ทั้งโทสต์ โรตี แบบต่างๆ ปังเย็น รวมทั้งเบอเกอรี เลือกกันแบบไม่ถูกเลยทีเดียว และรสชาติเครื่องดื่มก็ค่อนข้างดี เราสั่งสมูทตี้สตรอเบอรี่ กาแฟ และชาเขียวปังเย็น รสชาติดีทั้ง 3 อย่าง
มาชมบรรยากาศในโซนด้านนอกแบบโอเพ่นแอร์กันบ้าง มีหลายโซนมากและน่านั่งทุกโซน เริ่มตั้งแต่ที่นั่งแบบแปลตาข่าย
ผ่านโซนห้องแอร์ออกไป เป็นที่นั่งริมสระน้ำ ซึ่งมีทั้งแบบชิงช้าแบบเคาน์เตอร์บาร์ มุมนี้เก๋มาก ถัดไปคือมุมศาลาริมน้ำห้อยขา ที่นั่งเป็นแบบโต๊ะญี่ปุ่นพร้อมหมอนอิงให้นั่งเอนหลังแบบสบายๆ เป็นคาเฟ่และร้านอาหารในชัยภูมิ ที่แนะนำมากเพราะแต่งร้านได้น่ารักและน่านั่ง แถมเครื่องดื่มรสชาติดี ส่วนอาหารยังไม่ได้ลองทาน แต่เห็นลูกค้าสั่งมาทานกันเยอะมาก สำหรับใครที่หาร้านอาหารทาน นั่งกันแบบเพลินๆ ต้องแวะมา
ชวนชมคาเฟ่
ถนนวิทยาลัยเทคนิค ชัยภูมิ (หลังเทคนิค ซอยซ้ายมือก่อนถึง รร.อนุบาลเด็กดี2)
เปิดให้บริการทุกวัน 09:00 – 18:30 น.
โทร 086 326 2865
บ่ายสามโมงกว่าได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพ กลับไปพร้อมกับความประทับใจและความรู้สึกใหม่ที่มีต่อชัยภูมิ มาเที่ยวหลายครั้งซึ่งส่วนใหญ่จะไปแต่ทุ่งดอกระเจียว มอหินขาว แต่การมาเที่ยวชัยภูมิ ครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าเป็นจังหวัดที่ใช่เลย วิวระหว่างทางสวยมาก มองไปทางไหนเห็นแต่ทิวเขา ป่าเขียวขจี จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือจังหวัดทางภาคอีสาน อากาศดี สดชื่น ยังกับไปเทียวดอยภาคเหนือ