• หน้าแรก
  • เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน กินเที่ยวแบบ ชิค ชิล

เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน กินเที่ยวแบบ ชิค ชิล

เชียงใหม่ เมืองฮิตแห่งการท่องเที่ยวที่ไม่รู้จบ เพราะมีจุดเช็คอินใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะคาเฟ่ ร้านอาหาร ที่พัก ขยันกันเปิดกันแทบทุกเดือน และไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดแวะทานข้าว เครื่องดื่ม ส่วนที่พักไม่ใช่แค่แวะไปนอนพักผ่อน  แต่กลายเป็นจุดท่องเที่ยวถ่ายรูปดึงดูดความสนใจไปด้วย ครั้งนี้มาเที่ยวเชียงใหม่ในระยะเวลาสั้นๆ แค่  2 วัน 1 คืน เน้นเที่ยวพักแบบเงียบสงบ และชิค ชิล ถ่ายภาพคาเฟ่ และจุดแลนด์มาร์คสำคัญ 

 

 

วันแรก

 

ประตูท่าแพ

เปิดประตูสู่เชียงใหม่ เครื่องแลนด์ดิ้งปุ๊บ ติดต่อรับรถที่เช่าไว้ รีบขับรถเข้าตัวเมืองแวะจุดสำคัญ ประตูท่าแพ กำแพงเมืองเก่าแก่ แลนด์มาร์คขึ้นชื่อของเชียงใหม่ หากเป็นเมื่อก่อน มาประตูท่าแพเพื่อเดินเที่ยวถนนคนเดิน แต่ในยุคนี้มาเพื่อถ่ายภาพ ยืนแนบกับประตูกำแพง หรือจะทำท่าเดินขึ้นบันไดแบบชิคๆ

 

 

ส่วน shot สำคัญ ที่ต้องไม่พลาด คือ  เดินผ่านกำแพงเมืองเก่า ให้นกบินผ่าน เพื่อให้ได้ภาพแบบคูลๆ มาถึงปุ๊บจะพบกับพ่อค้าแม่ค้า เดินเข้ามาขายอาหารหลายคน ราคาอาหารนกถุงละ 20 บาท พร้อมบริการถ่ายภาพให้ด้วยมือถือของเรา จะถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอ กี่รอบได้หมด ขอเพียงมีเงินซื้ออาหาร อาจจะดูเป็นธุรกิจหน่อย แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยินดีจ่าย เพื่อให้ได้ภาพสวยที่พึงพอใจ เพราะพ่อค้า แม่ค้า จะมีเทคนิคในการให้นกบินสวยๆ มากกว่า หลังจากให้อาหารต้องเดิน ต้องกดชัตเตอร์ กันหลายรอบ หมดค่าอาหารกือบร้อยบาท กว่านกจะบินสวยได้ shot ที่ถูกใจ แต่ถ่ายเป็นภาพวีดีโอจะง่ายหน่อย  

 

 

วัดศรีสุพรรณ    

นอกจากคาเฟ่ เชียงใหม่ยังขึ้นชื่อเรื่องวัดสวยหลายวัด เลือกแวะไปทำบุญ หรือถ่ายภาพได้ตามชอบ เราแวะไปที่ วัดศรีสุพรรณ ตั้งอยู่บนถนนวัวลาย ภายในวัดมีอุโบสถเงินแห่งแรกของโลก ที่ชาวชุมชนร่วมแรงร่วมใจสืบสานเครื่องเงินชุมชนวัวลาย ซึ่งเป็นชุมชนทำหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่

 

dew_2193

 

วัดศรีสุพรรณมีแนวคิดสร้างอุโบสถเงินหลังแรกของโลก ด้วยพุทธศิลป์อันวิจิตรที่ดึงดูดให้ทั้งพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาเยี่ยมชมความงดงามอย่างไม่ขาดสาย 

 

dew_2168

 

ลักษณะของพระอุโบสถเงินเป็นแบบล้านนา สร้างด้วยโลหะเงินและดีบุก โดยฝีมือและภูมิปัญญาช่างท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องเงิน ทั้งภายนอกและภายในพระอุโบสถ ประดับตกแต่งด้วยหัตถกรรมเครื่องเงินอย่างวิจิตรอลังการ และมีลวดลายอ่อนช้อย

 

dew_2161

dew_2182

 

ภายในอุโบสถประดิษฐาน พระเจ้าเจ็ดตื้อ พระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก ปางมารวิชัยเนื้อทองสัมฤทธิ์  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีเรื่องราวเล่าขานมาแล้วหลายรุ่น 

หมายเหตุ:  ใต้ฐานอุโบสถ เขตพัทธสีมา (ภายในกำแพงแก้ว)ฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของมีค่า คาถาอาคมและเครื่องรางของขลังเก่าแก่กว่า ๕๐๐ ปี ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมแก่สถานที่หรือตัวสุภาพสตรีเองตามจารีตล้านนา จึงห้ามสุภาพสตรีเข้ามาภายในอุโบสถหลังนี้ สามารถชมความงามได้รอบตัวอุโบสถเท่านั้น 

 

dew_6490

 

เฮือนใจ๋ยอง

ได้เวลาเที่ยง เดินทางจากตัวเมืองยังที่พักบ้านแม่ลาย ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอแม่ออน  ระหว่างทางผ่านร้านอาหารเหนือชื่อดังในย่านสันกำแพง  เฮือนใจ๋ยอง ตั้งใจจะไปฝากท้องมื้อเที่ยงที่ร้านนี้ เพราะคนรู้จักคนในพื้นที่เคยแนะนำว่า ถ้าอยากทานอาหารเหนืออร่อยในเชียงใหม่ ร้านนี้เด็ดต้องมาทานให้ได้ จัดไปไม่รอช้าผ่านถนนเส้นนี้พอดี ตัวร้านตกแต่งแบบไทยล้านนา มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มาช่วงเที่ยงลูกค้าเยอะแต่อาหารรอไม่นาน ส่วนเมนูอาหารมีมากมายเน้นไปที่อาหารเหนือ สั่ง ไส้อั่ว น้ำพริกน้ำปู๋ ตำขนุน ผักเชียงดาผัดไข่ แกงแค ไส้ย่าง รสชาติอาหารโดยรวมมีความจัดจ้านถูกปาก ตั้งแต่ทานอาหารเหนือในเชียงใหม่มาหลายร้าน ยกให้ร้านนี้อร่อยเป็นอันดับต้น ไม่แปลกใจว่าทำไมลูกค้าถึงเยอะมาก 

 

 

บ้านแม่ลาย           

มาถึงที่พัก บ้านแม่ลาย ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ออน เป็นหมู่บ้านแสนสงบท่ามกลางป่าอุดมสมบูรณ์ มีลำธารพาดผ่านตัวหมู่บ้าน หากใครคุ้นเคยกับภาพของบ้านแม่กำปอง บ้านแม่ลายมีบรรยากาศไม่ต่างกันนัก เพราะตั้งอยู่ในโซนเดียวกันเพียงแต่จะอยู่คนละฝั่ง สิ่งที่ บ้านแม่ลาย แตกต่างจากบ้านแม่กำปอง คือ ที่นี่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบ นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะเพราะส่วนใหญ่ไปพักที่แม่กำปองกันหมด อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีเพราะปกคลุมด้วยป่าไม้ทั้งหมู่บ้าน บ้านแม่ลายมีโฮมสเตย์ ที่พักให้บริการหลายหลังเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศได้แบบเต็มที่ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนแบบสงบท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ

 

 

พิกัดของ บ้านแม่ลาย ตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับทางไปหมู่บ้านแม่กำปองห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร  เมื่อผ่านโครงการหลวงตีนตก และผาน้ำลอด ตรงไปเป็นเส้นทางไปแม่กำปอง แต่ถ้าเลี้ยวซ้าย คือ เส้นทางไปบ้านแม่ลาย เพราะฉะนั้น 2 หมู่บ้านนี้ จึงสามารถเที่ยวเชื่อมโยงกันได้ ใครมาพักบ้านแม่ลาย ก็สามารถขับรถเที่ยวแม่กำปองต่อแบบไม่ไกลมาก ถนนไปยังหมู่บ้านเป็นทางราดยางตลอดเส้นทาง รถทุกชนิดไปได้หมด อาจมีบางจุดที่ชันบ้างแต่ไม่มาก เมื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ คือ อากาศเย็นสบายและเงียบสงบมาก เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง บ้านแต่ละหลังตั้งอยู่บนเนินเขา รายล้อมด้วยป่าเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ ด้านล่างติดริมถนนมีลำธารสายเล็กๆ ไหลพาดผ่านตลอดทั้งหมู่บ้าน เป็นความรู้สึกที่ฟินมาก 

 

 

บ้านแม่ลายมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์ให้บริการหลายแห่ง ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน สามารถเลือกได้เลยว่าสนใจพักที่ไหน ที่พักแต่ละแห่งส่วนใหญ่จะติดลำธารเกือบทั้งหมด ส่วนราคาไม่แพงมาก เริ่มต้นที่ 1000-2500 บาท เราเลือกพักที่ ฮิมน้ำโฮมสเตย์ เป็นที่พักที่ถือได้ว่าทำให้ภาพของหมู่บ้านแม่ลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยภาพแปลกลางลำธาร ให้นอน นั่งชิล ฟังเสียงสายน้ำไหลผ่าน

 

 

ฮิมน้ำโฮมสเตย์มีที่พัก 2 แบบ คือ แบบห้องที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 2 ของบ้าน มีทั้งห้อมแบบพักได้ 2 คน และ 3-4 คน ราคาอยู่ที่ 1100-1500 บาท  รวมอาหารเช้า และที่พักอีกแบบ คือ กระท่อมติดริมน้ำ แบบนี้ก็เป็นส่วนตัวและใกล้กับลำธารมาก แต่ช่วงที่มีฝนตกเยอะๆ ทางที่พักจะไม่แนะนำให้พักบ้านแบบนี้ เพราะค่อนข้างชื้น ห้องพักเป็นห้องพัดลมทั้งหมดค่ะ เพราะที่นี่อากาศเย็นมาก ไม่ต้องอาศัยแอร์ก็อยู่ได้สบาย มีพื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้นสอง สำหรับนั่งเล่น มองลำธาร ชมวิวของหมู่บ้าน

 

 

ส่วนด้านล่าง เป็นมุมติดลำธาร มีที่นั้งทั้งแบบห้อยขา หรือจะเป็นแบบซุ้มที่นั่งตกแต่ด้วยผ้าสีขาวพริ้วไหว

 

 

ใครอยากเดินเล่นเอาเท้าแช่น้ำ หามุมถ่ายภาพสวยๆ ในลำธารลงไปเดินเลยค่ะ น้ำไม่ลึก สูงถึงแค่ข้อเท้า หรือจะแช่ลงไปทั้งตัวก็ได้ แต่อากาศจะเย็นมาก การเล่นน้ำน่าจะเหมาะในช่วงฤดูร้อนมากกว่า

 

 

สำรวจบ้านพักของตัวเองแล้ว ไปเดินเล่นชมบรรยากาศภายในหมู่บ้านบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากที่พักโฮมสเตย์ ร้านกาแฟไม่ได้เยอะเหมือนแม่กำปอง จะมีแต่แค่ของที่พัก เพลินสเตชั่น อีกหนึ่งที่พักในหมู่บ้านแม่ลาย ที่เปิดให้บริการในส่วนของร้านอาหารและร้านกาแฟแบบเป็นเรื่องเป็นราว และบรรยากาศดีมากด้วยติดลำธาร ตกแต่งสวย มีทั้งอาหารคาว และชุดหมูกะทะให้สั่ง ร้านเปิดจนถึงค่ำถ้าใครอยากนั่งทานหมูกะทะแก้หนาว แนะนำที่นี่

 

 

บ้านพักของ เพลินสเตชั่น เป็นส่วนตัวตั้งอยู่แนบชิดลำธาร ในแบบที่เดินออกจากบ้านก็ลงเล่นน้ำได้เลย

 

 

บ้านพักโฮมสเตย์เจ้าอื่น มีให้เห็นตลอดทาง ประมาณ 10 แห่ง

 

 

อาหารมื้อเย็นสั่งไว้กับที่พักล่วงหน้า ทางที่พักส่งมาแบบปิ่นโต ให้นั่งทานกันหน้าบ้าน เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารเหนือ หน้าตาดูธรรมดาแต่รสชาติอร่อยมาก

 

 

วันที่สอง

 

เช้าตื่นมาสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธรรมชาติ พร้อมไปกับจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ทานข้าวต้มหมู อาหารเช้า ที่อร่อยอีกเช่นเคยทานไปสองชาม

 

 

เราเช็คเอาท์ออกจากที่พักแต่เช้าไปยัง วัดแม่ลาย  ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก วัดแม่ลาย เป็นวัดเล็กๆ แห่งเดียวในหมู่บ้าน มีความเงียบสงบ และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตัวอุโบสถและวิหารประดับตกแต่งด้วยหินในลำน้ำแม่ลาย เป็นลวดลายต่างๆรวมทั้งรูปของสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำปีเกิด มาถึงบ้านแม่ลายแล้วก็แวะมาทำบุญที่วัดนี้กันสักหน่อย

 

 

ชะพูลิน คาเฟ่

จบที่จุดหมายสุดท้าย ถ่ายรูปกับบันไดสวรรค์สุดชิค เคียงคู่ขอบฟ้าและก้อนเมฆ ที่ Chapulin Food & Cafe (ชะพูลิน ฟู๊ด แอนด์ คาเฟ่)  คาเฟ่ท่ามกลางทุ่งนาธรรมชาติ ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหารทั้งคาวหวาน  ไฮไลท์เด่น  คือ มุมถ่ายภาพสุดเก๋ บันไดสีขาวที่ตั้งโดดเด่นริมทุ่งนา พุ่งสูงไปบนฟ้าถ่ายรูปมาสวยแปลกไม่เหมือนใคร ยังมีทุ่งดอกมากาเร็ตและซุ้มรังนกบาหลีให้ได้ถ่ายภาพอีกด้วย

 

 

เมื่อมาถึงร้านอันดับแรกแนะนำให้ไปจองคิวถ่ายภาพบันไดสวรรค์ไว้ก่อน เพราะที่นี่จะจัดคิวให้ขึ้นถ่ายภาพ โดยเสียค่าบริการคูปองละ 50 บาท ถ่ายได้ 5 นาที ถ้าอยากถ่ายมากกว่า 5 นาที ก็ซื้อเพิ่มได้เลยค่ะ สามารถนำคูปองไปเป็นส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มได้ วันที่เราไป คือ วันเสาร์ รอคิวประมาณ 9 คิว ระหว่างรอสามารถเดินเล่นถ่ายภาพยังจุดอื่น หรือจะไปนั่งทานอาหารรอก็ได้ค่ะ ซึ่งเราว่าการจัดคิวแบบนี้ดีมาก เพราะคนค่อนข้างเยอะ จะได้หมดปัญหาการถ่ายภาพนาน หรือแย่งกันถ่าย พอหมดเวลาพนักงานจะแจ้ง และเรียกคิวอื่นต่อ  บันไดค่อนข้างสูงพอสมควร น่าจะสูงกว่าทุกที่ที่มีบันไดแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะทางร้านมีระบบ save ที่ดี ข้างล่างมีตาข่ายรองรับ กันไว้เผื่อพลาดตก

 

 

ระหว่างรอก็เดินถ่ายทุ่งดอกมากาเร็ต ซึ่งเป็นทุ่งเล็กๆ อยู่ติดกับบันไดสวรรค์ กลางทุ่งมีรังนกบาหลีให้ได้โพสต์ท่าถ่ายภาพด้วย

 

 

หรือเดินเล่นถ่ายภาพริมสระบัว นั่งเล่นรอบริเวณซุ้มกลางทุ่งนาก็ได้ ร้านมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง กระจายไปในแต่ละจุด

 

 

โซนนี้คือ ส่วนของร้านอาหาร ที่ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาวแบบจานเดียว และของหวาน มองไปด้านหน้าเห็นวิวทุ่งนา บันไดสวรรค์ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายมาก โซนที่นั่งอีกฝั่ง ประดับด้วยร่มหลากสี และต้นเฟิร์นสีเขียวห้อยระย้า

 

 

อาหารที่สั่ง มีโรตีแกงเขียวหวาน อร่อยมาก น้ำแกงเขียวหวานรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งรสชาติกลางๆ ส่วนเครื่องดื่มสั่งเป็นน้ำผลไม้รวมปั่นรสชาติโอเคทานแล้วสดชื่น

 

รอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงได้เวลา เดินขึ้นไปถ่ายภาพบันไดสวรรค์ ที่นี่มีพรอพ คือ ร่มให้ยืมถ่ายภาพด้วย มีหลายสี ทั้งสีแดง เหลือง ฟ้า แต่แนะนำว่าสีแดง เวลาถ่ายภาพมาจะแจ่มสุด โชคดีช่วงเวลาที่ขึ้นไปถ่ายคือ เมฆสวยมาก เหมือนขึ้นไปสู่สวรค์ที่แท้ทรู

 

 

ส่วนท่าทางสามารถครีเอทได้ตามชอบ จะเดินขึ้น นั่งเคียงคู่กับบันได หรือจะไปนั่งตรงปลายสุดของบันได ทำท่าร่าเริง ถือร่มก็สวยสุดๆ เราซื้อไว้ 2 คูปอง 10 นาที  จัดไปให้เต็มที่  ถือเป็นจุดถ่ายภาพแบบว้าวๆ ของเชียงใหม่อีกหนึ่งจุด ที่พลาดไม่ได้

 

 

Chapulin Food & Cafe (ชะพูลิน ฟู๊ด แอนด์ คาเฟ่)  

พิกัด 72 ตำบล สันกำแพง อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่ (มีที่จอดรถ)

เปิดให้บริการ วันอังคาร – อาทิตย์ 10:00 น. – 19:00 น.  

 

เชียงใหม่ เมืองที่ครองใจ ใครหลายคน โดยเฉพาะสายชิค สายมินิมอล ที่ถ้าให้เดาคงมาเที่ยวเชียงใหม่ ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแน่นอน