เพ ลา เพลิน ดินแดนแห่งความสนุก
ดอกไม้และพันธุ์ไม้สวยใช่ว่าจะมีให้ชมอยู่แต่ในภาคเหนือ แต่ดินแดนอีสานบ้านเราก็มีให้ชมเหมือนกัน ที่ เพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเปิดเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ไปที่มาพร้อมกับความสนุกและบันเทิง ให้เราได้รื่นรมย์ชมดอกไม้ตามฤดูกาลหลากสีสัน รวมทั้งพันธุ์ไม้สวยงามต่างๆ ที่อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน ซึ่งจัดแสดงในโรงเรือนทั้ง 6 หลัง อุทยานไม้ดอกแห่งนี้ ยังถือว่าเป็นอุทยานไม้ดอกแห่งแรกในเขตพื้นที่ภาคอีสานใต้อีกด้วย
เพ ลา เพลิน ตั้งอยู่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจากตัวอำเภอเมืองมาประมาณ 32 กิโลเมตร พื้นที่ภายในถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เพ ลา เพลิน บูติครีสอร์ท และ อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน ด้านหน้าเป็นส่วนของโซนต้อนรับจะมีพื้นที่ขายบัตรเข้าชมอุทยานไม้ดอก สำหรับค่าเข้าตามภาพค่ะ โดยมีรถรางนำเข้าไปในพื้นที่ในส่วนของอุทยานดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังจากนั้นเดินชมไปยังโรงเรือนต่างๆซึ่งเชื่อมต่อกัน
ทางเข้าด้านหน้าซึ่งเราต้องลงจากรถรางแล้วเดินเข้าไปข้างในอุทยานไม้ดอก
เนื่องจากมาตรงกับในช่วงวันที่ทางเพ ลา เพลิน มีขบวนรถคาร์นิวัลดอกไม้ Flora Carnival 2015 คือ วันที่ 26 ธ.ค. 58 ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีจัดในช่วงหน้าหนาวอากาศเริ่มเย็นลงบ้าง เดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับการตกแต่งดอกไม้เมืองหนาวด้วยต้นคริสต์มาสสีแดงตรงกลางประดับด้วยม้ายูนิคอนสวยงามพร้อมป้าย Flora สีสันสดใส
พื้นที่ในส่วนอาคารต้อนรับ ที่ได้จัดแสดงดอกไม้พร้อมนิทรรศการ “ด้วยรักและภักดี” มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดับด้วยดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ
เข้ามาถึงโรงเรือนที่ 1 ซึ่งจัดแสดงไม้ดอกตามฤดู โดยจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนดอกไม้ในช่วงฤดูนั้นมาจัดแสดงให้ชมเราเดินทางมาในช่วงฤดูหนาวจะเป็นดอกทิวลิป ลิลลี่ ไฮเครนเยีย แต่ถ้าเดินทางมาในช่วงฤดูฝนพื้นที่ในส่วนนี้จะเปลี่ยนมาเป็นดอกกระเจียว
ดอกทิวลิปมีให้ชมหลากหลายสีสัน ทั้ง ขาว เหลือง ชมพู ม่วง ดอกลิลลี่ ก็เช่นกัน เรียกได้ว่าแค่โรงเรือนแรกก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว ดอกไม้มาเต็มมากเหนือความคาดหมายไม่คิดว่าอีสานบ้านเรามีดอกไม้เมืองหนาวแบบนี้ให้ชมด้วย
รวมถึงการจัดสวนก็สร้างสรรค์สุดๆ โดยเอาดอกไม้มาประดับอยู่ในรถไฟบ้างนำตุ๊กตาน้อยน่ารักมาไว้ในสวนด้วย เดินชมไปก็เพลิน สมชื่อ เดินเล่นอยู่ในโซนนี้ถ่ายดอกไม้นานเป็นพิเศษเพราะรู้สึกตื่นตาตื่นใจในสีสันที่งดงามตัดกันของดอกไม้
เดินไปชมยังโรงเรือนต่อไประหว่างทางเดินก็จะพบกับการตกแต่งสวนสไตล์อังกฤษ บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ
โรงเรือนที่สองจัดแสดงเฟิร์นนานาสายพันธุ์ ซึ่งมีการจำลองบรรยากาศภายในให้เป็นป่าดึกดำบรรพ์ มีการนำรูปปั้นไดโนเสาร์มาไว้ข้างในด้วย
มีการนำพันธุ์ไม้มาเลื้อยและตกแต่งให้เป็นรูปช้างแมมมอธ ซึ่งเป็นช้างดึกดำบรรพ์ด้วย เก๋ดีจัง
ระหว่างทางเชื่อมของแต่ละอาคารนั้น ก็ยังมีการจัดแต่งสวนเเละมุมถ่ายรูปไว้อย่างสวยงามให้ได้ชมเเละได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
โรงเรือนที่สาม เป็นการจัดแสดงพืชในตระกูลสับปะรดสี โดยมีการนำมาตกแต่งภายใต้แนวคิดสีสันธรรมชาติ
ฝั่งขวาเป็นตุ๊กตารูปปั้น concept ของสีสันแห่งทะเลมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทั้งรูปปั้นนางเงือกน้อย และปลาการ์ตูน
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็จะเน้นเป็นสัตว์และแมลงน้อยที่เป็นสัญลักษณ์ของสีสันและความสวยงาม เช่น ผีเสื้อ เต่าทอง และนกยูง
โรงเรือนที่สี่ จัดแสดงกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ กินรี กล้วยไม้บางพันธุ์มีลวดลายแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน
มีต้นรองเท้านารี ที่คนนำชมบอกว่า ที่นี่คือ ที่เดียวแห่งอีสานที่มีต้นไม้ชนิดนี้ เพราะปกติพันธุ์ไม้ชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะบนดอยที่มีอากาศหนาวเย็นเท่านั้นถ้าไปปลูกที่อื่นจะค่อนข้างขึ้นยาก เพราะฉะนั้นไม่แปลกถ้าเราจะเห็นตามสวนดอกไม้บนดอยทางภาคเหนือบ่อยๆ แต่แปลกที่เรามาเจอที่นี่
โรงเรือนที่ห้า จัดแสดงพืชเขตร้อน เช่น ตะบองเพชรชนิดต่างๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ มหาพีระมิด จำลองบรรยากาศเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในประเทศอียิปต์มีรูปปั้น พีระมิด ฟาร์โรห์ สฟิงซ์ รายล้อมไปด้วยกระบองเพชรพันธุ์แปลกตา นานา ชนิด สวยงามมาก เพลิดเพลินอีกแล้ว
มาสะดุดตากับ เจ้ากระบองเพชรต้นนี้ เหนือคำบรรยายจริง ๆ
มาถึงโรงเรือนสุดท้ายที่จัดแสดงดอกหน้าวัวพันธุ์ต่างๆ พร้อมบรรยากาศวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบอีสานอีกทั้ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ศิลปะอีสานใต้
ซึ่งเราจะได้พบกับดอกหน้าวัวใบและหน้าวัวดอกหลากสี
จากโรงเรือนที่ 6 เราก็เดินออกมาเรื่อยๆ เพื่อชมทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูม่วงอันกว้างใหญ่ ต้องบอกว่ากว้างจริงๆ ค่ะ เป็นสีสันที่สวยงามอีกอย่างหนึ่งของอุทยานไม้ดอกเลยทีเดียว ดอกคอสมอสจะมีให้ชมในช่วงฤดูหนาวเดือนธ.ค.-ม.ค. ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูฝนหรือร้อนอาจจะปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกพันธุ์ไม้ชนิดอื่นแทน
ถึงแม้แดดจะร้อนมากแต่เราก็ไม่หวั่น เพราะความสวยงามของดอกไม้ช่างดึงดูดใจเราเหลือเกิน สนุกสนานกับการถ่ายภาพลืมความร้อนไปหมดสิ้น
เรามาที่ทุ่งดอกคอสมอสอีกครั้งในช่วงบ่ายแก่ๆ ซึ่งแดดก็จะเริ่มร่มลง แต่ในความรู้สึกคือ ตอนกลางวันที่ฟ้าใสๆ บรรยากาศจะสดใสกว่าเพราะดอกไม้จะตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าเข้ากันดี
จุดสุดท้าย คือ แปลงสตอเบอรี่ ซึ่งมีให้ชมในช่วงหน้าหนาวเช่นกัน เราสามารถเก็บสตอเบอรี่ทานกันสดๆ จากต้นได้เลย ซึ่งรสชาติสตอเบอรี่ของที่นี่จะอมเปรี้ยวซักหน่อย เป็นสตอเบอรี่ที่ปลูกโดยไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ล้วน และไม่มีการเร่งใดๆ ทั้งสิ้น มีน้องเจ้าหน้าที่ซึ่งจบจากแม้โจ้มาให้ความรู้เรื่องสตอเบอรี่กับเราอยู่เรื่องนึง เลยถึงบางอ้อ เราถามว่าทำไมเก็บสตอเบอรี่ทานจากต้นสดๆ ถึงหวานกว่าที่ทานในกล่อง ทั้งๆ ที่เก็บมาจากต้นเดียวกัน น้องตอบว่าสตอเบอรี่เมื่อถูกเก็บขึ้นมายังมีชีวิตอยู่ เค้าจะมีการนำความหวานมาใช้ไปเรื่อยเหมือนกับใช้หายใจค่ะ ทำให้ความหวานจะลดน้อยลงกว่าทานจากต้น สงสัยมานานเพิ่งเข้าใจก็วันนี้
หลังจากชมอุทยานไม้ดอกแล้วก็นั่งรถรางออกมานั่งพักผ่อนข้างหน้าซึ่งเป็นโซนล็อบบี้ซึ่งจัดเน้นคอนเซ็ปต์ Journey with Play La Ploen การตกแต่งจำลองจากหลากหลาย ประเทศทั้งเอเชียและยุโรป ตรงจุดนี้มีทั้งร้านขายเครื่องดื่มและเบอเกอรี่ ของที่ระลึก และมุมให้เรานั่งพักผ่อนหลายมุม
เดินตรงเข้าไปในสวนก็มีฟาร์มแกะด้วย
ถัดจากฟาร์มไปก็เป็น โซนแอดเวนเจอร์ ซึ่งมีการจำลองมรดกโลก หรือสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น กำแพงเมืองจีน หอไอเฟล สะพานทาวเวอร์บริดจ์ หอเอนเมืองปิซา และสโตนเฮนจ์ มีฐานกิจกรรมต่างๆ ให้คนชอบความท้าทายได้สนุกสนานกับการปีนป่าย
เพลิดเพลินกับการชมดอกไม้และโซนต่างๆ แล้ว ก็มาชมห้องพักบ้าง ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น ซึ่งมีบริการห้องพักแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โซนเอเชีย และยุโรป
โซนเอเชียตั้งอยู่ชั้นล่างมีทั้งหมด 10 ห้อง เน้นการตกแต่งแบบเอเชีย 10 ประเทศ คือ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม จีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอินเดีย ซึ่งเป็นการตกแต่งตามเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละเทศ
ห้องนี้เป็นห้องญี่ปุ่น
ส่วนห้องนี้คือ ไทยแลนด์
โซนยุโรปตั้งอยู่ชั้นบนจำนวน 10 ห้อง ห้องพักเน้นตกแต่งแบบยุโรป ของที่ใช้ในการตกแต่งห้องบางส่วนได้นำเข้ามาจากแต่ละประเทศนั้น ๆ เช่น ห้องลอนดอน ปารีส กรีก อิตาลี สวีเดน และโรม
มาถึงบุรีรัมย์หรือผ่านไปมา อย่าลืมแวะมาเที่ยว เพ ลา เพลิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สวยงาม กิจกรรมต่างๆ และห้องพักที่แสนสะดวกสบาย สมกับเป็นดินแดนแห่งการเรียนรู้ที่ได้ทั้งความสุขและสนุกกลับบ้านไปอย่างแน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติม
เพ ลา เพลิน 252 อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ 044-699 435, 087-797 6425 http://www.playlaploen.com