บ้านจ่าโบ่ หมู่บ้านกลางหุบเขา และสายหมอก
บ้านจ่าโบ่ ชุมชนชาวเขาที่ตั้งอยู่ใน อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไฮไลท์ของที่นี่ คือ นั่งห้อยขาทานก๋วยเตี๋ยว พักโฮมสเตย์ จิบกาแฟ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวหลายคน นั่งรถผ่านโค้งมาพันกว่าโค้งเพื่อเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศ และวิถีชีวิตชนเผ่าแบบดั้งเดิมที่เรียบง่าย บ้านจ่าโบ่ มีที่พักในในรูปแบบบ้านและกระท่อมไม้ไผ่ให้บริการ มากล่าวคำทักทายบ้านจ่าโบ่ว่า A-Bo-Da-ya (อาบูดะยา) ซึ่งเป็นภาษาของชาวลาหู่หรือมูเซอ แปลว่า สวัสดี
บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอปายและอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน บนเขาสูง บริเวณโดยรอบของหมู่บ้านเป็นเทือกเขาหินปูน ทั้งสองฝั่งถนนขนาบไปด้วยบ้านเรือนไม้แบบชาวเขาดั้งเดิม
ชาวบ้านในชุมชนเป็นชาวลาหู่ ที่ย้ายมาจากห้วยยาวโดยการนำของนายจาโบ่ ไพรเนติธรรม ชื่อของ ชุมชนจ่าโบ่ มาจากชื่อของผู้นำหมู่บ้าน คนในชุมชนล้วนเกี่ยวดองเป็นญาติกันทั้งหมด ยังคงใช้ภาษาและเครื่องแต่งกายแบบลาหู่ ซึ่ง แบ่งออกเป็น 3 ชาติพันธุ์ย่อย คือ มูเซอดำ มูเซอแดงและมูเซอเหลือง แตกต่างกันตามความเชื่อ และการแต่งกาย ชุมชนบ้านจ่าโบ่ คือเชื้อสายมูเซอดำ ซึ่งชาวมูเซอดำจะใช้คำเรียกว่า “จ่า” คำนำหน้าเพศชาย ส่วน “นา” จะเป็นคำเรียกผู้หญิง
ส่วนเครื่องแต่งกายของชาวบ้าน ใช้สีดำเป็นหลักซึ่งเป็นสีที่สำคัญของชาวชนเผ่า ตามความเชื่อถือว่า สีดำเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ สีดำ หมายถึง ตัวตน สีขาว หมายถึง ลำธารน้ำ สีเหลือง หมายถึง ข้าวปุ๊ก(ข้าวโพดต เป็นอาหารชนิดนึง) สีแดง หมายถึง เลือดหมู สีฟ้า หมายถึง ถั่ว พืชพรรณ ดังนั้นเสื้อชนเผ่าแต่ละตัว มีความหมายแตกต่างกันไปตามความเชื่อของผู้เย็บที่เลือกใช้สีต่างๆ เดินเล่นชมหมู่บ้านจะได้เห็นความเป็นอยู่ที่แสนจะเรียบง่ายและสงบกันเอง ในขณะเดียวกันรอยยิ้มและคำทักทายอย่างเป็นมิตร คือ สิ่งที่เราได้สัมผัสจากชาวบ้านที่นี่
หากสังเกตตามบ้านแต่ละหลังมีเครื่องจักสานแบบเดียวกันแขวนไว้ที่ประตูทางเข้าทุกบ้าน เป็นเหมือนเครื่องรางอะไรซักอย่าง สอบถามมาได้ความว่า อันนี้คือเครื่องกันผีและสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในบ้าน คงเหมือนกับที่เราแขวนผ้ายันต์ไว้หน้าบ้านนั่นเอง
เมื่อมาถึงบ้านจ่าโบ่ จะได้เจอกับ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ ร้านขึ้นชื่อของที่นี่ นอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยในราคาหลักสิบ มีกาแฟให้ได้ทานแล้ว มองไปรอบๆ จะเห็นว่าตั้งอยู่ในมุมที่เหมาะเจาะมองเห็นภูเขาที่สวยงามสลับซับซ้อน และในเวลาเช้าร้านนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มารอชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น
บรรยากาศประมาณ 7 โมงเช้า นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่ร้านกว้างมีที่นั่งหลายจุด ช่วงประมาณ 8 โมงไปแล้วจะเริ่มน้อยลง และทะเลหมอกยังคงอยู่ให้เราได้ชม เมนูก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ต้มยำ รสชาติอร่อยในราคาเริ่มต้น 45 บาท
ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยว คือ จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ ที่จัดทำเป็นระเบียงไม่เล็กๆยื่นออกไป ให้ได้ถ่ายภาพ
นอกจากร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่ ยังมีร้านกาแฟอีกสองร้านที่วิวสวยให้แวะ ทั้งร้านกาแฟสาวลาหู่ ที่อยู่ถัดจาก ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา สามารถมานั่งจิบเครื่องดื่ม ชมวิวภูเขาและทะเลหมอกได้เช่นกัน เป็นร้านที่ตกแต่งได้น่ารักแอบทันสมัย
อีกหนึ่งร้าน คือ เด็กดอย คอฟฟี่ ภายในร้านตกแต่งได้น่ารักเช่นกัน มานั่งเล่นช่วงเย็น ได้ชมวิวภูเขาและบรรยากาศที่สวยงาม สั่งชาเย็นมาดื่ม รสชาติอร่อย ชาหอม รสละมุนกำลังดี
ในช่วงเวลาเช้า เป็นอีกช่วงเวลาที่สวยงาม ได้เห็นทะเลหมอกแบบใกล้มาก รวมทั้งแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ร้านนี้แนะนำให้มาซักช่วง 8 – 9 โมง หลังจากไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาแล้วก็ได้ค่ะ ช่วงเวลานี้แสงจะสวยพอดี และนักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงเพราะส่วนใหญ่มากันแต่เช้า วันเสาร์ อาทิตย์ ร้านเปิด 6.30 น. ส่วนวันธรรมดาร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมง
มาถึงบ้านจ่าโบ่ ต้องพักค้างคืน เพื่อจะได้สัมผัสกับบรรยากาศได้แบบเต็มที่ ภายในหมู่บ้านมีที่พักให้บริการหลายแห่ง เป็นบ้านพักโฮมสเตย์แบบเรียบง่าย สามารถชมวิวอันสวยงามของทะเลหมอกและขุนเขาได้จากหน้าที่พัก เราเลือกพักที่ ลานกางเต้นท์จ่าทอ &โฮมสเตย์ ที่นี่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา มีที่พักให้บริการทั้งในรูปแบบเต้นท์ ลานกางเต้นท์และบ้านพัก
เราเลือกพักแบบบ้านมูเซอหลังที่ 3 ราคาห้องพัก คืนละ 1500 บาท เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมอาหารเย็น ห้องพักสะอาด วิวจากหน้าห้องมองเห็นภูเขา และในยามเช้าก็เห็นทะเลหมอก วิวเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา แต่มองเห็นในระดับที่สูงกว่า แต่ตอนเดินขึ้นไปยังที่พักแอบหอบนิดนึง เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถติดต่อจองห้องพักได้ทางอินบล็อกเพจ บ้านจ่าทอ โดยตรง
ยามเช้ามองเห็นทะเลหมอกได้จากบ้านพัก วิวดีมาก นั่งเล่น ชมวิว หน้าห้องฟินสุด เดินเล่นสัมผัสบรรยากาศ วิถีชีวิตบ้านเรือนของชาวเขาแบบดั้งเดิม นั่งจิบกาแฟ มองวิวภูเขา คุ้มแล้วกับการเดินทางผ่านโค้งมาหลายโค้ง เพื่อมาพักผ่อนและได้เห็นวิวแบบนี้