บ้านขุนสมุทรจีน โฮมสเตย์หลักร้อย วิวหลักล้าน ฟินลมทะเล กินซีฟู้ดสด
บ้านขุนสมุทรจีน แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ พักบ้านพักกระท่อมไม้ไผ่ โอบล้อมด้วยผืนน้ำและธรรมชาติของป่าชายเลน ไม่มีแอร์แต่มีลมจากฝั่งทะเลพัดมาเอื่อย เอื่อย ชวนเคลิ้มหลับ มีเสียงนกร้องขับขาน เสียงใบไม้พัดผ่าน มีความเรียบง่ายของความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมที่เราอาจไม่ได้เห็นในเมืองใหญ่ มีอาหารทะเลสด ที่นำมาเสิร์ฟ 3 มื้อ พร้อมบ้านพัก 1 คืน และในบรรยากาศที่กล่าวไป ทั้งหมดนี้เราจ่ายในราคาเพียงหลักร้อย
การเดินทางมาไปยังบ้านขุนสมุทรจีน โดยรถยนต์ส่วนตัว สามารถเดินทางได้หลายเส้นทางเพื่อไปยังอำเภอพระประแดงแล้วแต่สะดวกของแต่ละคน เมื่อถึงพระประแดงเราต้องนำรถไปฝากไว้ที่ท่าเรือบ้านป้าลี่ เพื่อนั่งเรือต่อไปยังบ้านขุนสมุทรจีน สำหรับการเดินทางที่สะดวกของเราขึ้นทางด่วนจากดินแดงโดยใช้เส้นทางบางนา – ดาวคะนอง ข้ามสะพานแขวนไปลงสุขสวัสดิ์ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังอำเภอพระประแดง ขับรถตรงไปจนถึงสามแยกพระสมุทรเจดีย์ ให้เลี้ยวขวาไปทางป้อมพระจุล จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายชี้ทางขวามือให้เลี้ยวเข้าวัดขุนสมุทรจีน ผ่านแหล่งชุมชนแหละบ่อกุ้งเรื่อย ๆ เส้นทางเดียวกับทางไปบ้านสาขลา ท่าเรือบ้านป้ารี่จะอยู่ตรงสะพานปูนก่อนถึงชุมชนบ้านสาขลา 2 กม. ที่รับฝากรถหากไม่มีคนก็จะได้ที่จอดในโรงรถซึ่งมีไม่มาก แต่ถ้าคนเยอะที่จอดรถในโรงรถเต็มก็ต้องเสี่ยงจอดริมถนน สำหรับค่าฝากรถคิดคันละ 100 บาท
จากนั้นนั่งเรือหางยาวต่อไปยังบ้านขุนสมุทรจีนใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าเรือคนแรกคิดคนละ 100 บาท คนที่สอง คิดคนละ 10 บาท ถ้ามาหลายคนก็จะหารกันถูกลงไปอีก ระหว่างที่นั่งเรือก็ได้ชมธรรมชาติของป่าชายเลนทั้ง 2 ข้างทางไปด้วย
สำหรับท่าขึ้นเรือที่บ้านขุนสมุทรจีน ส่วนใหญ่จะขึ้นกันที่ท่าเรือวัดขุนสมุทรจีน แล้วเดินไปยังโฮมสเตย์ที่ทางชุมชนได้จัดไว้ให้ แต่โฮมสเตย์ที่ทางศูนย์ประสานงานชุมชนบ้านขุนสมุทรจีนจัดให้เราพักต้องไปขึ้นที่ท่าเรือป้าต๋อย ซึ่งสะดวกที่สุด เมื่อมาถึงก็โทรแจ้งจากนั้นก็มีเรือหางยาวของโฮมสเตย์มารับไปอีกที
นั่งเรือไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงโฮมสเตย์ของเรา วินาทีแรกที่ได้เห็นภาพถึงกับถามน้องคนขับเรือว่า “ นี่ที่พักของพี่ใช่มั้ย น้องตอบว่า “ ใช่ครับ “ ว้าว สวยบรรยากาศดีจัง กระท่อมไม้ไผ่ หลังคามุงจาก แบบบ้าน บ้าน ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวของป่าชายเลน รายล้อมไปด้วยบ่อกุ้งและหอยของชาวบ้าน มองแว่บ แว่บ เหมือนกระท่อมไม้ไผ่แบบบูติกกลางทะเลมัลดีฟเหมือนกันน่ะเนี่ย บ้านขุนสมุทรจีน มีบ้านพักแบบโฮมสเตย์ร้านแห่ง แล้วแต่ว่าทางชุมชนจะจัดให้เราไปพักที่ไหนลักษณะบ้านพักจะเหมือนกัน ราคาเดียวกันคือ คนละ 600 บาท ที่พัก 1 คืน และอาหาร 3 มื้อ แต่ถ้าเป็นโฮมสเตย์ที่ก่อตั้งเป็นที่แรกคือ ของผู้ใหญ่สมร หรือถ้าเราทราบชื่อโฮมสเตย์ สามารถติดต่อจองตรงไปยังโฮมสเตย์นั้นโดยตรง นับว่าเป็นความโชคดีของเราที่ถูกจัดมาให้พักที่ “ พี่พอเพียง น้องเพียงพอ ” เป็นโฮมสเตย์ที่ชื่อน่ารักมาก ตั้งได้เข้ากับบรรยากาศ มีบ้านพัก 7 หลัง หลังใหญ่ 4 หลัง และบ้านพักหลังเล็กพักได้ 2 -3 คน 3 หลัง
เรามา 2 คน พักบ้านหลังเล็ก ตั้งอยู่ปลายสุดของพื้นที่โฮมสเตย์ ใกล้กับชายฝั่งทะเล บ้านพักก็อยู่อย่างเรียบง่ายตามสไตล์โฮมสเตย์ มีที่นอน ทีวี พัดลม สัญญาณโทรศัพท์ มีหมดทุกค่าย ไฟฟ้ามีให้ใช้ตลอดทั้งวัน
ส่วนห้องน้ำแยกออกมาจากตัวบ้าน สำหรับหลังที่เราพักโชคดีสุดห้องน้ำอยู่ติดกับตัวบ้าน แต่อีก 2 หลัง ที่อยู่ถัดออกไปต้องเดินมาใช้ตรงนี้ เป็นห้องน้ำรวม
อาหารมื้อแรกซึ่งเป็นมื้อกลางวัน มาเสิร์ฟถึงบ้านพัก มีผัดผักรวม กุ้งเหยียดหวาน และแกงส้มกุ้งชะอมไข่ พร้อมข้าว และน้ำแข็ง รสชาติอาหารในมื้อแรกของเราถึงแม้จะดูเป็นเมนูง่ายแต่อร่อยมากค่ะ โดยเฉพาะผัดผัก รสชาติแบบว่าเหนือผัดผัดทั่วไปที่เราเคยได้ทาน หมดไปก่อนอาหารจานอื่นอย่างรวดเร็ว
ด้วยความที่มาถึงตั้งแต่เที่ยงทานข้าวแล้วยังไม่สามารถไปไหนได้เพราะอากาศข้างนอกในเวลานี้แดดแรงอยู่มาก กิจกรรมส่วนใหญ่ คือ นอนเล่น นั่งเล่น อยู่ในโฮมสเตย์ ถึงแม้แดดจะแรงแต่อากาศภายในบ้านพักไม่ร้อน เพราะมีลมทะเลพัดเข้ามาตลอด จัดได้ว่าเย็นในระดับนึง เป็นโฮมสเตย์ที่มีความสงบและรู้สึกสบายอย่างบอกถูก มีแต่เสียงลม เสียงต้นไม้ เสียงนกร้องขับกล่อมชวนให้เคลิ้มหลับก็เลยได้หลับไป 1 งีบ เป็นชีวิตที่เนิบ เนิบ เรื่อยๆ แต่ไม่ได้รู้สึกเบื่อ แต่กลับรู้สึกเพลิดเพลิน สโลวไลฟ์ของจริงต้องที่นี่
ฟื้นตื่นขึ้นมาได้จากการนอนหลับพักผ่อน บ่ายสองแดดยังแรงอยู่ แต่หาได้แคร์ไม่หยิบหมวกใส่แว่นเริ่มเดินสำรวจยังบ้านพักหลังอื่นซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีลูกค้าเข้าพัก บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ อยู่ใกล้กับบ้านพักของเราพักได้ประมาณ 6 คน มี 2 ห้องนอน ลมพัดดีมาก พัดเข้าตลอด อย่างบ้านที่เราพักลมยังมาเป็นระยะ
บ้านพักทั้งหมดในฝั่งที่เราพัก มี 5 หลัง เรียงรายตั้งอยู่บนคันดิน ถ้ามาช่วงที่ฝนตกก็เฉอะแฉะพอสมควร ควรเตรียมโรงเท้าแตะมาด้วยจะเยี่ยมมาก
เดินข้ามไปยังอีกฝั่ง มีสะพานไม้เชื่อมต่อ ฝั่งนี่มีบ้านพัก 2 หลัง กระท่อมที่เห็นตั้งอยู่โดดเดี่ยวอยู่ตรงคันดินฝั่งตรงข้ามของบ้านพักของเราค่ะ เป็นบ้านหลังใหญ่มาก น่าจะใหญ่ที่สุด พักได้ 10-15 คน
เดินมาหยุดพักยังบ้านของเจ้าของโฮมสเตย์ ซึ่งเราเรียกว่า ที่ทำการโฮมสเตย์ เป็นจุดขายของเล็กๆ น้อยๆ เช่น น้ำแข็ง น้ำดื่ม น้ำอัดลม และที่เราถูกใจที่สุด คือ น้ำแข็งใส ถ้วยละ 20 เสพความหวานรับลม มองวิว ดับร้อน ชื่นใจ
น้องที่โฮมสเตย์บอกว่า ประมาณ 4 โมงครึ่งจะพาเดินไปวัดขุนสมุทรจีน รอให้แดดร่มกว่านี้หน่อย แต่เราขอเดินไปก่อน ระยะทางจากโฮมสเตย์ไปยังวัดประมาณ 1 กิโล ต้องใช้วิธีเดินทางอย่างเดียว เดินข้ามสะพานที่เชื่อมต่อกันเรื่อยๆ เรามาหยุดยังจุดแรก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโฮมสเตย์ผู้ใหญ่สมร ตรงจุดนี้จะมีศาลเจ้า จีน และหลักกิโลแลนด์มาร์ค บ้านขุนสมุทรจีนให้เราได้ถ่ายภาพ แต่เวลานี้ประมาณบ่าย 3 โมง กว่า แดดยังแรงอยู่
หลังศาลเจ้าเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขุนสมุทรจีน พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในบ้านสีเหลืองหลังเล็ก เป็นแหล่งสะสมโบราณวัตถุเก่าแก่ หากเราสังเกตจะพบว่า ข้าวของเครื่องใช้ที่วางโชว์จะเป็นของจีนโบราณ เนื่องจากบ้านขุนสมุทรจีน เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ตั้งอยู่บนแหลมขนาดเล็กที่ยื่นออกไปในทะเล อดีตเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าจากเรือสำเภาจีนบริเวณใกล้กับปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นเส้นทางผ่านของเรือสินค้าและเรือพาหนะของประเทศต่างๆ เข้าสู่บางกอกและกรุงศรีอยุธยา ประชากรส่วนใหญ่มีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนอพยพมากับเรือสำเภา ส่วนใหญ่มาค้าขายบริเวณวัดแหลมฟ้าผ่า การจัดทำพิพิธภัณฑ์เริ่มต้นจากการที่ชาวบ้านพบเศษซากวัตถุโบราณบริเวณป่าชายเลนประเภทถ้วยชามกระเบื้อง ไห ซากเตาเผาโบราณ เครื่องใช้ เครื่องประดับและเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยนในสมัยโบราณ นอกจากนี้ยังพบทองรูปพรรณ เช่น แหวน ทองคำ สร้อยข้อมือ เบี้ยและเหรียญกษาปณ์รัชกาลต่าง ๆ ซึ่งได้ทำการสำรวจแล้วคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี
จากนั้นเราเดินเรียบบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอยของชาวบ้านไปตามคันดิน เพื่อไปยังวัดขุนสมุทรจีน เดินไปตามคันดินซึ่งข้างทางเราจะได้พบเห็นบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่เป็นระยะ แต่ละบ้านมีอ่างขนาดใหญ่เก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ยามหน้าแล้ง รวมถึงเอาไว้ดื่มด้วย เพราะน้ำฝนที่นี่ชาวบ้านบอกว่ายังเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ ไม่ค่อยมีฝุ่นละอองเจือปน ดื่มน้ำฝนแล้วเย็นชื่นใจ ฟังแล้วรู้สึกว่า นี่แหละวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม จริงแล้วชาวบ้านที่นี่เค้าใช้น้ำประปาด้วย แต่เก็บน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์ ซึ่งสมัยนี้อาจไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว ส่วนใหญ่ใช้กันแต่น้ำประปา พอเข้าฤดูแล้วที ก็ขาดแคลนน้ำกันที
บ้านทำกระปิขึ้นชื่อแห่ง ขุนสมุทรจีน เนื่องจากช่วงนี้ยังแล้ง เลยยังไม่ได้เปิดทำ แต่ระหว่างที่เราหยุดยืนอยู่ตรงนี้ กลิ่นกะปิที่เจ้าของบ้านกำลังใช้ทำกับข้าว ก็หอมโชยมาเข้าจมูก แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่า กระปิ ต้องอย่างดีแน่ หอมมาก
ร้านขายของชำเล็กๆ ระหว่างทาง 1 เดียวในชุมชน ด้านหน้ามีลูกชิ้นปิ้งขายด้วย
เดินฝ่าแดดมาจนเกือบสุดปากอ่าวเริ่มได้ยินเสียงคลื่นชัดเจนขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเราใกล้ถึงวัดขุนสมุทรจีนแล้ว
ทางเดินช่วงสุดท้ายเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าชายเลนแสนร่มรื่น ระหว่างทางเต็มไปด้วย พันธุ์ไม้จำพวกโกงกาง แสมขาว แสมดำ มีปูแสม และปลาตีน เดินไปมาอยู่เป็นระยะ
แค่เสียดายที่ทางเดินในบางช่วง ขยะค่อนข้างลอยมาติดตรงนี้เยอะค่ะ เลยทำให้ธรรมชาติและซุ้มไม้สวยๆ ต้องมัวหมองไป จริงแล้วชาวบ้านน่าจะร่วมแรงร่วมใจกันเก็บมันออกไปซักนิด ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ควรเที่ยวกันแบบอนุรักษ์ขยะควรเก็บทิ้งลงถังให้เรียบร้อย
เดินมาถึงทางเดินเข้าไว้แล้วเป็นซุ้มทางเดินแห่งความเขียวขจี ตอนแรกเราคิดว่ามาเที่ยวที่นี่ในฤดูร้อน ต้องร้อนมากแน่ แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ถึงแม้แดดจะแรงแต่มีลมพัดจากชายทะเลเข้ามาตลอด
หยุดพักเหนื่อย ชื่นชมบรรยากาศกันซักครู่ มองเห็นศาลาสีแดงของวัดตั้งโดดเด่นอยู่ริมทะเล ซึ่งด้านหน้าเป็นทะเลอ่าวไทย
เข้ามาถึง วัดขุนสมุทรธาราวาส หรือวัดขุนสมุทรจีน วัดเก่าแก่ริมทะเล และเป็นวัดเดียวที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุนชม ภายในวัดร่มรื่นมาก มีศาลานั่งชมวิวให้ผ่อนคลาย
สิ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของวัด คือ พระอุโบสถเก่าแก่ ที่อยู่ใต้น้ำบางส่วนเวลาน้ำขึ้น แต่จะผุดขึ้นมายามน้ำลด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า บ้านขุนสมุทรจีน เป็นหมู่บ้านชายทะเลที่มีการพังทลายของพื้นดินชายฝั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ บ้านของชาวบ้านหลังจากถูกน้ำทะเลซัดเข้ามาก็เริ่มขยับย้ายเข้าฝั่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เหลือเพียงแต่วัดขุนสมุทรที่ยังไม่ได้ย้ายไปไหน แต่ในปัจจุบัน ได้ทำการยกพื้นขึ้นมา จึงทำให้กลายเป็นอุโบสถที่ดูสวยแปลกตา ลวดลายปูนปั้นบนหน้าต่างอ่อนช้อยงดงาม
เข้ามากราบพระประธานภายในโบสถ์ ริมประตูมีภาพวัดเก่าก่อนที่จะทำการยกพื้นให้สูงขึ้น จะเห็นว่าฐานจมมิดไปกับดินเลยทีเดียว
ด้านหน้าวัดกำลังก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่งดงาม หันหน้าเข้าหาทะเล
ข้างพระพุทธรูป มีเก๋งจีนสีแดง ซึ่งเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิม มีรูปปั้นแม่กวนกินซึ่งสามารถเข้าไปกราบขอพรได้
มีระเบียงชมวิวทะเล ลมพัดแรงพอสมควร อาจมีเหนียวตัวจากลมทะเลนิดหน่อย
เราเดินย้อนกลับมายังเส้นทางเดิม เจอน้องกลุ่มนี้กำลังเดินกลับจากโรงเรียน เดินไปร้องเพลงไปอย่างมีความสุข บ้านของน้องอยู่ห่างจากโฮมสเตย์ที่เราพักไปไม่ไกล
ระหว่างรอรับประทานอาหารเย็นเดินเล่นถ่ายภาพ ชมนก ชมไม้ไปเรื่อยๆ ที่บ้านขุนสมุทรจีน นกเยอะมาก มีนกหลากหลายพันธุ์ เช่น นกกระเต็น นกกระยาง กาน้ำ นกกา นกกินปู นกนางนวล บินมาหาอาหารในบ่อหอยและกุ้ง แหล่งอาหารอันโอชะของพวกมัน จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินเสียงนกร้องตลอด
เดินไปสุดทางโฮมสเตย์ที่เราพักติดชายฝั่งทะเล มีนกให้ชมเช่นกัน น้ำทะเลในเวลานี้เริ่มลงและแห้งขอดจนเห็นลวดลายของพื้นดิน
ลมเย็นแบบนี้ การได้นั่งลงบนแคร่ใต้ต้นไม้ นั่งนิ่ง มองวิว ชื่นชมกับบรรยากาศอันเงียบสงบ เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายและมีความสุขมากที่สุดอีกวันหนึ่ง
ระหว่างนั้นเพื่อนร่วมโฮมสเตย์อีกหลัง หลังจากไปชมวัดแล้วก็เพิ่งเดินหลับมา พร้อมไกด์ตัวน้อย ทักทายพูดคุย บอกว่าได้แวะซื้อหอยนางรมสดระหว่างทางเหลือถุงสุดท้ายพอดี ไว้ทานกับอาหารเย็นวันนี้ น่าอิจฉาจริง
บรรยากาศของพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่โฮมสเตย์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาพักผ่อน ที่บ้านขุนสมุทรจีน เราเดินข้ามมายังบ้านพักอีกฝั่งเพื่อเก็บภาพความประทับของแสงสุดท้ายในวันนี้
เพื่อนบ้านกำลังงมเก็บหอยแครงในบ่อ ทางโฮมสเตย์ให้งมเก็บฟรี งมได้เท่าไหร่ทานกันให้เต็มที่ เตรียมถุงพลาสติก เอามื้อล่วงลงไปในดินโคลนแล้วหยิบขึ้นมาดูว่าใช่หอยแครงมั้ย
อาหารมื้อเย็นอันโอชะ มาแล้ว มีต้มยำรวมทะเล ปลานิลนึ่งมะนาว หอยแครงลวง ปูทะเลให้คนละ 1 ตัว แต่ถ้าอยากทานเพิ่มก็สั่งเพิ่มก็ได้ แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย อาหารจัดว่าอร่อยโดยเฉพาะหอยแครง คือ สด หวาน อร่อยมาก จะไม่สดได้อย่างไรเพิ่งงมกันจากบ่อ ส่วนปูทะเลก็สดเช่นกัน คนละ 600 บาท แค่นี้ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม
เราเผลอหลับไปแต่หัวค่ำ ยิ่งตกดึกอากาศยิ่งเย็นมากพัดลมแทบไม่ต้องเปิด ตื่นมากับเช้าวันใหม่นั่งหน้าบ้าน มองภาพเด็กน้อยเดินผ่านคันดินไปโรงเรียน มีผู้ปกครองเดินตามไปส่ง เราถึงกับยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นภาพนี้ ไม่เห็นต้องนั่งรถหรูก็เดินไปโรงเรียนกันได้
อาหารเช้าที่ทางโฮมสเตย์ได้จัดให้เป็นข้าวต้มกุ้ง คือ กุ้งเยอะมาก และสดมากด้วย ทานแล้วสัมผัสได้ถึงรสชาติหวานอร่อย
บ่อยครั้งที่เราได้พบว่า ” ความสุขไม่ได้เกิดจากการจ่ายเงินราคาแพงเสมอไป ” บ้านขุนสมุทรจีน ความสุขแบบเรียบง่าย ในแบบที่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะรู้สึกได้ประทับใจในบรรยากาศได้ขนาดนี้ เป็นที่ที่เหมาะสำหรับมานอนพัก ไกวแปล ปล่อยเวลาให้เดินไปอย่างช้า ช้า ในราคาคนละ 600 บาท แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมีมากกว่านั้นมากมาย เหนื่อยล้าเมื่อไหร่ ขับรถออกจากกรุงเทพมาไม่ถึงสองชั่วโมง แวะมาพัก แวะมาผ่อนคลาย กลับมาสู่ธรรมชาติบนพื้นฐานดั้งเดิมในแบบที่ไม่ปรุงแต่งอะไรมาก
รายละเอียดเพิ่มเติม
โฮมสเตย์ พี่พอเพียง น้องเพียงพอ โทร 081 2977272
เฟสบุค https://www.facebook.com/peeporpeangnongpeang
ศูนย์ประสานงานบ้านพักโฮมสเตย์ ขุนสมุทรจีน โทร 086-567-5296
เฟสบุค https://www.facebook.com/Bankhunjeen
ราคาที่พัก คนละ 600 บาท ที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ
การเดินทางแบบไม่มีรถส่วนตัว
สามารถนั่งเรื่อข้ามฝั่งจากท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ไปยังฝั่งพระประแดง นั่งมอเตอร์ไซค์วินไปลงที่ตลาดพระประแดงขึ้นรถสองแถวสีฟ้าสายพระประแดงไปพระสมุทรเจดีย์ ค่ารถสองแถว 8 บาท จากนั้นต่อรถสองแถวที่ไปบ้านสาขลา ค่ารถสองแถว 8 บาท บอกคนเก็บเงินหากถึงท่าเรือป้ารี่ให้บอกด้วย หลังจากนั้นนั่งเรือจากท่าบ้านป้ารี่ไปยังท่าเรือบ้านขุนสมุทรจีน
หรือนั่งรถประจำทางที่วิ่งมายังตลาดพระประแดง
-ปอ.138 วิ่งจากจตุจักรขึ้นทางด่วนมาลงตลาดพระประแดงได้เลย หรือบางครั้งรถจะไม่ถึงตลาดพระประแดงให้ลงป้ายวัดสนลงจาก ทางด่วนมาป้านแรกแล้วต่อสาย82ไปลงตลาดพระประแดง
-สาย 82 วิ่งจากสนามหลวงก็มาถึง พระประแดงเช่นกัน
-ปอ.140 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อรถลงจากทางด่วนสุขสวัสดิ์ ให้ลงป้ายแรก แล้วต่อรถสาย 82 เข้าตลาดพระประแดง
-สาย 506 จากปากเกร็ดมีไปยังตลาดพระประแดง
จากนั้นขึ้นรถสองแถวสีฟ้าสายพระประแดงไปพระสมุทรเจดีย์ ค่ารถสองแถว 8 บาท จากนั้นต่อรถสองแถวที่ไปบ้านสาขลา ค่ารถสองแถว 8 บาท บอกคนเก็บเงินหากถึงท่าเรือป้ารี่ให้บอกด้วย หลังจากนั้นนั่งเรือจากท่าบ้านป้ารี่ไปยังท่าเรือบ้านขุนสมุทรจีน