• หน้าแรก
  • เที่ยวอุตรดิตถ์ 2 วัน 1 คืน ไปน้ำปาด แวะท่าปลา เส้นทางสายกรีน

เที่ยวอุตรดิตถ์ 2 วัน 1 คืน ไปน้ำปาด แวะท่าปลา เส้นทางสายกรีน

นอกจากเส้นทางสายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันงดงามที่อำเภอลับแลแล้ว อุตรดิตถ์ยังมีเส้นทางท่องเที่ยวสายธรรมชาติที่อำเภอท่าปลา  น้ำปาด ซึ่งทั้งสองอำเภอตั้งอยู่ใกล้กันสามารถเที่ยวเชื่อมโยงได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ นั่นคือ เขื่อนสิริกิติ์  ตั้งอยู่ในอำเภอท่าปลาซึ่งถือเป็นสถานที่ที่รู้จักกันดี และยังมีอุทยานแห่งชาติที่สามารถไปเสพบรรยากาศ ชมวิวสวย ถึง 2 แห่ง ขากลับแวะอำเภอทองแสนขัน ไปเที่ยวบ่อน้ำพี้ เหล็กศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อ ต่อด้วยแวะถ่ายรูปสวย จิบเครื่องดื่มที่ ไร่องุ่นคานาอัน ในบรรยากาศอิตาลี สุดเก๋  มีเวลาเที่ยวอุตรดิตถ์ 2 วัน 1 คืน ก็แวะมาเที่ยว สูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสบรรยากาศแบบกรีนได้ไม่ยาก

เที่ยวน้ำปาด ท่าปลา

วันแรก

14.00 น. อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน

เข้าสู่อำเภอท่าปลามุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งแรก อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน  เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 2จังหวัด คือ ในอำเภอน้ำปาด อำเภอท่าปลา อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ในส่วนพื้นที่ของอุทยานฯในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ จุดชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบสุริยันต์จันทรา ที่มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนเหมือนภาพวาด แถมในยามเย็นยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามมาก

บริเวณริมอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์  มีเกาะแก่งโค้งเว้า มีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชมทัศนียภาพโดยรอบ มีกิจกรรมล่องแพชมทัศนียภาพของเขื่อนฯ และสามารถกางเต้นท์บริเวณนี้ได้ สำหรับสายแคมปิ้งคงฟินไม่น้อย  มองเห็นวิวของภูเขาที่สวยงาม ที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ทำให้บรรยากาศค่อนข้างสงบพอสมควร

เมื่อมองลงไปบริเวณทะเลสาบ จะเห็นแพลอยอยู่หลายหลัง  เป็นแพของชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ก่อนการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งหลังจากเสียที่ดินอาศัย บางส่วนย้ายไปตามที่ทางการจัดสรรที่ดินใหม่ให้ บางส่วนเลือกที่จะอาศัยอยู่ในแพ และประกอบอาชีพประมงหาปลาในเขื่อน

เดินย้อนขึ้นไปอีกนิดจะมีศาลาชมวิวซึ่งมีระเบียงชมวิวด้วยเหมาะอย่างยิ่งสำหรับยืนชมวิวสูอากาศจากจุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านก็คืออ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ ข้างล่างมีลักษณะเป็นเกาะยื่นเข้าไปกลางน้ำ

15.00 น. เขื่อนสิริกิติ์

เขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในอำเภอท่าปลาจังหวัดอุตรดิตถ์  ไปเที่ยวเขื่อนในประเทศไทยมาหลายแห่ง  นี่คือ ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาเห็นด้วยตาตัวเอง ยอมรับว่า ตื่นตาตื่นใจมาก ไม่คิดว่าภายในเขื่อนจะกว้างขวางขนาดนี้แถมมีจุดท่องเที่ยวสวยๆ มากมาย เริ่มจากจุดท่องเที่ยวยอดฮิต จุดชมวิวสันเขื่อน  ซึ่งมีป้ายเขื่อนสิริกิติ์ขนาดใหญ่   บริเวณสันเขื่อนมีทางเดินทอดยาวไปจนสุดปลายเขื่อนเพื่อชมวิวทั้งสองฝั่ง

วิวที่เรามองเห็น จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งหนึ่งจะเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีแพหาปลาอยู่ข้างล่าง ยามเย็นหากสภาพอากาศดีๆ จะเห็นได้ชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกด้วย  ส่วนวิวอีกฝั่ง คือ  ทิวทัศน์ของภูเขาและป่าเขียวชอุ่ม ที่มองลงไปเบื้องล่างเป็นโรงไฟฟ้า คือ เป็นเขื่อนที่มีวิวแปลกตาต่างจากเดิมที่เคยเห็น

 

จุดท่องเที่ยวต่อไป คือ  จุดชมวิวทางขึ้นสันเขื่อน ได้จัดมุมถ่ายภาพ โดยทำเป็นระเบียงสำหรับยืนชมวิวทิวทัศน์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำและลานไกไฟฟ้า

สะพานเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ  เป็นสะพานแขวนด้วยสายเคเบิล สีฟ้าเหลือง  โดดเด่นสวยงาม ทอดยาวผ่านกลางลำน้ำที่ไหลมาจากเขื่อนสิริกิติ์  สามารถเดินชมทัศนียภาพชมวิวของแม่น้ำน่านและภูเขาโดยรอบได้อย่างสวยงาม

 

17.00 น. เข้าที่พักวังน้ำเย็น รีสอร์ท

ช่วงเย็นเราเข้าพักภายในตัวอำเภอน้ำปาด ซึ่งจากเขื่อนสิริกิติ์ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง น้ำปาด เป็นอำเภอที่อยู่ติดชายแดน มีแม่น้ำปาดซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวอำเภอไหลผ่าน  เป็นอำเภอเล็กๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบมาก ซึ่งหากเอ่ยชื่ออำเภอนี้จะไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวเด่นอย่างภูสอยดาว ทุกคนคงต้องร้องอ๋อ แต่การมาน้ำปาดครั้งนี้ อยากเที่ยวแบบชิวๆ ไม่ได้ต้องการสมบุกสมบัน ขนาดนั้น เลยเน้นสถานที่ท่องเที่ยวที่รถเข้าถึงและเดินทางสะดวก ในตัวอำเภอมีที่พักหลายแห่ง เราเลือกพัก  ที่วังน้ำเย็น รีสอร์ท  บรรยากาศของที่พักกว้างขวางและมีความเงียบสงบ ภายในห้องพักสะดวกสบายมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาแค่คืนละ 450 บาท เท่านั้น เรียกว่า ที่พักในอำเภอน้ำปาดนั้นส่วนใหญ่ราคาจะประมาณนี้ แถมห้องดีมาก

dsc01188

dsc01182

dsc01190

dsc01191

18.00 น. ร้านอาหารริมน้ำ

ไม่ไกลจากที่พักมีร้านอาหารซึ่งได้รับการแนะนำจากเจ้าของที่พักให้มาทานที่ ครัวริมน้ำ ร้านอาหารเล็กๆบรรยากาศดีติดริมน้ำปาด เจ้าของร้านมีคุณลุงกับคุณป้าที่คอยทำอาหารและดูแลลูกค้า เมนูอาหารของที่นี่มีไม่มาก เราสั่ง ต้มยำปลาคัง กุ้งแช่น้ำปลา ปลาทับทิมทอดกระเทียม และยำปลาหมึก ทุกเมนูรสชาติอร่อย จัดจ้าน

 

dsc01176

dsc01170

%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3

วันที่สอง

07.30 น. ที่ว่าการอำเภอน้ำปาด

ยามเช้าเรามุ่งหน้าไปที่ว่าการอำเภอน้ำปาด เพื่อไปถ่ายภาพกับ จุดแลนด์มาร์ค  คือ ศาลารอรถโดยสารที่ตกแต่งได้ชิคมาก  บริเวณหน้าอำเภอเป็นที่ตั้งของอนุเสาวรีย์พญาปาด ซึ่งเป็นผู้สร้างแปลงเมืองน้ำปาด มีเรื่องเล่าสืบทอดกันมา พญาปาด เป็นคนลาว อาศัยอยู่ที่นครเวียงจันทร์เป็นเวลานาน มีประชาชนเคารพ  รักใคร่ และนับถือมาก เมื่อการทำมาหากินที่เวียงจันทร์ เกิดอัตคัด ขัดสนขึ้น พญาปาด ได้ชักชวนพลเมืองส่วนหนึ่ง อพยพไปหาที่ทำกินใหม่ โดยอพยพมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันตกของนครเวียงจันทร์ ได้เข้ามาปักหลักตั้งถิ่นฐานขึ้นใหม่ ซึ่งคือ พื้นที่ของอำเภอน้ำปาดในปัจจุบัน

dsc01205

dsc01199

ตรงข้ามอำเภอมีร้านอาหารเช้า ซึ่งเรามากันตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า มีเปิดอยู่ 1 ร้าน เป็นร้านขายต้มเลือดหมู และข้าวมันไก่  รสชาติดี

dsc01198

dsc01196

09.00 น. น้ำปาดซิตี้

ร้านอาหารและร้านกาแฟที่แต่งร้านได้สวยน่ารักเรียกว่าเด่นที่สุดในอำเภอน้ำปาด ตัวร้านตกแต่งออกแนววินเทจหน่อยๆ  มีมุมถ่ายรูปสวยหลายมุม ที่นี่มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายและทราบมาว่า รสชาติอร่อยราคาไม่แพง นอกจากอาหารยังมีเครื่องดื่มให้เลือกอีกหลายหลายเมนู ชา กาแฟ เบียร์ คอคเทล  เป็นอีกหนึ่งร้านแนะนำในอำเภอน้ำปาดที่ต้องมาโดน ซึ่งน่าเสียดายในวันที่เราเดินทางไป ร้านปิดวันนั้นพอดี เลยได้แค่เก็บบรรยากาศของร้านมาฝากกัน

น้ำปาดซิตี้

น้ำปาดซิตี้

น้ำปาดซิตี้

น้ำปาดซิตี้

น้ำปาดซิตี้

น้ำปาดซิตี้

 

09.30 น. อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่

จากตัวอำเภอน้ำปาด ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ ตั้งอยู่ที่อำเภอน้ำปาด ถนนเส้นทางเข้าอุทยานต้นสักใหญ่ในช่วงฤดูฝน เขียวขจีสดชื่นมากมีต้นไม้ปกคลุมตลอดทั้งพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ คือ ต้นสัก ปลูกเรียงรายเป็นแถวทิวแถวบนถนนที่มีความโค้งสูงต่ำ เป็นอีกหนึ่งภาพที่สวยงามอดใจไม่ไหว ต้องจอดรถและเดินลงไปเก็บภาพ

มาถึงทำการอุทยาน บริเวณรอบ ๆ ต้นสักใหญ่ประกอบด้วยต้นสักขนาดย่อม เป็นป่าเบญจพรรณซึ่งมีไม้สักเป็นองค์ประกอบโดยรอบเป็นแหล่งไม้สักตามธรรมชาติแหล่งสุดท้ายของจังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ปรับปรุงตกแต่งบริเวณให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างดี

บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น สดชื่นมาก เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อนทางอุทยานมีการจัดที่นั่ง รวมทั้งศาลานั่งเล่นไว้หลายจุดภายใต้ร่มไม้ที่เขียวขจี มีพันธุ์ไม้สวยแปลก ที่จะได้พบเห็นตลอดทางเดินไปชมต้นสัก ระหว่างทาง มีอาคารนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับองแสดงนิทรรศการความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่

ไฮไลท์ คือ ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก มีอายุประมาณ 1,000 ปี ซึ่งค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 สักใหญ่ต้นนี้ ลำต้นโต ขนาด 8 คนโอบ วัดโดยรอบได้ 948เซนติเมตร และความสูง 38.5 เมตร เนื่องจากส่วนยอดถูกลมพายุพัดหักแต่ลำต้นทั่วไปยังคงอยู่ในสภาพที่ดี   มีการจัดทำเส้นทางเดินเป็นสะพานไม้ยกสูงชมวิวรอบต้นสักไว้

10.00 น. บ่อเหล็กน้ำพี้

จากอำเภอน้ำปาด ระหว่างทางกลับเข้ากรุงเทพ ต้องผ่านอำเภอทองแสนขัน อีกหนึ่งอำเภอที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ  2 แห่ง แห่งแรก คือ บ่อเหล็กน้ำพี้ ซึ่งเราคงเคยได้ยินชื่อเสียง เรื่องเหล็กน้ำพี้ ของดีเมืองอุตรดิตถ์กันมาบ้าง  บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นแหล่งแร่เหล็กทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์  ในอดีตคาดว่าเป็นคลังแสงสรรพาวุธของอาณาจักรไทยสมัยสุโขทัยและสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ได้สร้างอาวุธนานาชนิดขึ้นกู้ชาติบ้านเมืองและป้องกันประเทศอย่างมีประสิทธิภาพนับร้อยๆปีแล้ว มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มีความแข็งแกร่ง ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ในตัว ในปัจจุบันชาวบ้านน้ำพี้มีการขุดแร่เหล็กน้ำพี้มาทำวัตถุมงคล เป็นส่วนผสมในการทำดาบ พระเครื่อง พระบูชาและเครื่องรางของขลังต่างๆ และเครื่องใช้เพื่อใช้ประกอบอาชีพจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและคนทั่วไปที่สนใจ

ภายในบ่อเหล็กน้ำพี้มีบ่อดินขนาดใหญ่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง  บ่อพระขรรค์  ทั้งสองบ่อนี้เป็นบ่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นบ่อเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมแล้วใช้ไม้ที่ได้จัดเตรียมไว้ใช้ตกเหล็กตกปลายเชือกเป็นแม่เหล็กซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดเหล็กน้ำพี้ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนหินเหล็กๆ นำไปไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

บริเวณทิศเหนือของบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ มีศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ตั้งอยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าเป็นตำนานของชาวน้ำพี้สืบมาว่าบ่อเหล็กน้ำพี้ มีปู่ธรรมราชที่เป็นเจ้าพ่อบ่อพระแสงสถิตย์อยู่ในศาลนี้เพื่อคอยปกปักษ์รักษาบ่อเหล็กสำคัญ คือ บ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ ศาลนี้เป็นสร้างที่สร้างขึ้นใหม่มีลักษณะทรงไทยสีขาว พื้นปูด้วยหินอ่อน ภายในตั้งรูปเจ้าพ่อ 3 ตน หล่อด้วยเหล็กน้ำพี้ทั้งองค์  เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวน้ำพี้และเป็นศูนย์รวมสักการะสำหรับผู้ศรัทธา

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้  มีลักษณะเป็นอาคารร่วมสมัยสร้างต่อเนื่องกัน 4 หลัง มีทางเชื่อมต่อกันภายในอาคารแต่ละหลังเป็นโถงกว้าง ติดตั้งหุ่นจำลองขนาดครึ่งเท่า และขนาดเท่าจริงเกี่ยวกับโลหะกรรมสมัยโบราณ และตำนานบ่อเหล็กน้ำพี้ ในอำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ผนังอาคารด้านในตั้งตู้จัดวางโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ทำจากเหล็กน้ำพี้ นอกจากนี้ในบริเวณอาคารจัดแสดงยังติดตั้งเครื่องเสียงบรรยายประวัติการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งนี้

ด้านหน้าของบ่อเหล็กน้ำพี้ มี ร้านค้าวิสาหกิจชุมชน จำหน่ายวัตถุมงคลเหล็กน้ำพี้และแร่เหล็กน้ำพี้ เช่น เหล็กน้ำพี้อัดแท่ง พระเครื่อง พระบูชา พระแสง ดาบ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแร่เหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ทวดแร่เหล็กน้ำพี้  พุทธชินราชแร่เหล็กน้ำพี้ หลวงพ่อโสธรแร่เหล็กน้ำพี้  ร.5 แร่เหล็กน้ำพี้ สร้อยประคำแร่เหล็กน้ำพี้ ดาบเหล็กน้ำพี้ มีดหมอเหล็กน้ำพี้ และเครื่องประดับประเภทสร้อย ต่างหู

 

12.00 น. ไร่องุ่นคานาอัน

ไร่องุ่นคานาอัน ตั้งอยู่ที่ ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ไกลจากบ่อเหล็กน้ำพี้  เป็นไร่องุ่นที่บรรยากาศดีบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกมีมุมให้ถ่ายภาพมากมาย  ไฮไลท์ คือ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นั่นคือ อาคารคานาอัน  อาคารสไตล์ทัศคานีของอิตาลี สีสันสดใส สวยงามและโดดเด่น มีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปหลายมุม มีบันไดวนขึ้นไปดาดฟ้าเพื่อที่จะขึ้นไปชมบรรยากาศและทัศนียภาพโดยรอบพื้นที่ได้

ภายในอาคารมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหาร เครื่องดื่มเป็นอาหารสไตล์อิตาลี เช่น สเต็ก สปาเก็ตตี้ และอื่นๆ อีกมากมาย เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ คือ เมี่ยงใบองุ่น ที่นำใบองุ่นมาใช้ทานกับเครื่องเคียงของเมี่ยง ซึ่งทำให้ได้รู้ว่าใบองุ่นทานได้และอร่อยมากเมื่อมาทานเป็นเมี่ยง ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้ง ทั้งชา โกโก้ กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา น้ำผลไม้ รวมทั้งเบเกอรี่ของหวานให้ทานอีกด้วย

สำหรับไร่องุ่น จะตั้งอยู่ข้างกับอาคารคานาอัน  โดยมีองุ่นหลากหลายพันธุ์ อาทิ องุ่นพันธุ์ลูสเพอร์เลท องุ่นผลสีเขียวหวานอร่อย  พันธุ์แบล็คโอปอล องุ่นสีดำลูกใหญ่ โดยในช่วงที่มีผลผลิตจะให้นักท่องเที่ยวสามารถได้ลองตัดผลไม้องุ่นด้วยตนเอง เป็นกิจกรรมสนุกสนานอีกด้วย  นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกจำหน่ายไม่ว่าจะเป็น เสื้อยืด กระเป๋า ที่สกรีนลายโลโก้ประจำไร่ หรือพวงกุญแจน่ารักๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเก็บเป็นความทรงจำดีๆ ว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนที่ไร่องุ่นแห่งนี้

จบทริปสายกรีนแบบ 2 วัน 1 คืน  3 อำเภอ กับจุดแวะเที่ยวมากมาย ที่รอให้เรามาทำความรู้จักกับสวยงามด้วยตาของเราเอง บอกเลยว่ามีความประทับใจกับเส้นทางนี้  มีความสวย สงบ ถนนทั้งสองข้างทางนั้นเขียวขจีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และผืนป่าที่ค่อนข้างอุดมสมูบรณ์ มองวิวเพลินมาก  ไม่ต้องไปไกลถึงเชียงใหม่ เชียงราย เราก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ได้ที่ อุตรดิตถ์

dsc01284