• หน้าแรก
  • 20 ที่เที่ยวสงขลา หาดใหญ่ ไม่ได้มีแค่หาด เที่ยวครบรส ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์

20 ที่เที่ยวสงขลา หาดใหญ่ ไม่ได้มีแค่หาด เที่ยวครบรส ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์

ที่เที่ยวสงขลา ไม่ได้มีแค่ หาดสมิหลา และเกาะยอ แต่ยัง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งทางประวัติศาตร์ และธรรมชาติสวยงาม โดยเฉพาะบรรยากาศของความเป็นเมืองติดทะเลที่ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักตากอากาศ ขยับมาทางหาดใหญ่ก็จะเป็นเมืองที่แสนคึกคัก เพราะเป็นย่านการค้า มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ให้บริการมากมาย แถมมีสถานที่ท่องเที่ยว Unseen หลายแห่ง

หาดสมิหลา

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงของสงขลา หาดสมิหลามีโขดหินขนาดย่อมยื่นลงทะเล หาดทรายขาวละเอียดที่เรียกว่า “ทรายแก้ว” มีป่าสนร่มรื่น จากหาดสมิหลาสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเกาะหนูเกาะแมว จนมีคำกล่าวว่าใครมาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือนสมิหลาก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา มีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงรูปปั้น นางเงือกทอง โดยรอบบริเวณได้จัดสวนหย่อมไว้ร่มรื่นเหมาะเป็นที่นั่งพักผ่อนยามเย็น เมี่อมองออกไปในทะเลจะเห็น เกาะหนู เกาะแมวอันเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่ง

มัสยิดกลางสงขลา  

มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา  ตั้งอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศาสนสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลาที่ใหญ่และอลังการมาก  หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ” ทัชมาฮาลเมืองไทย ” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นไปถึงช่วงค่ำ มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก มัสยิดกลางสงขลา

เขาตังกวน

เขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมืองสงขลา จากยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายจุด ได้แก่ ประภาคาร  ศาลาพระวิหารแดง ลานชมวิวเขาตังกวน

ย่านเมืองเก่าสงขลา

ย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมงดงาม ที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิคสไตล์ ชิโนโปรตุกีส  และยังมีอาคารตึกแถวแบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนเรียงรายทั้งสองฟากฝั่งถนน แม้อาคารหลายหลังมีการปรับปรุงทาสีใหม่ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง อาคารย่านเก่าสงขลาถือว่า เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลา ผ่านมุมมองทางสถาปัตยกรรม  นอกจากนี้ตามอาคารบ้านเรือนบางหลังยังมีภาพสตรีทอาร์ทน่ารักที่สะท้อนเรื่องราวของความเป็นเมืองสงขลา ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊ก ย่านเก่าสงขลา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา

ตั้งอยู่ในเมืองสงขลา  ตรงข้ามกำแพงเมืองจังหวัดสงขลา เป็นโบราณสถาน ของชาติ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน อายุกว่า 100 ปี ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา มีความโดดเด่นด้วย อาคารสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรป ปลูกเป็น เรือนหมู่ 4 หลัง เชื่อมติดกันด้วยระเบียงทางเดิน ด้านหน้าอาคารมีสนามและมีอาคารโถงขนาบสองข้าง ประติมากรรมนูนต่ำสลับลายภาพเขียนสี เป็นรูปเทพเจ้าจีนและลายพันธุ์พฤกษา  จึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มาถึงสงขลาแล้วไม่ควรพลาดมาถ่ายภาพความงดงามของอาคารดังกล่าว

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา

ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ

ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ ตั้งอยู่บริเวณชายหาดสมิหลาริมถนนสะเดา  ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดสงขลา เป็นโครงการที่สรรค์สร้างขึ้นเพื่อ ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณ ชายหาดสมิหลาให้เป็นสถานที่พักผ่อนของ นักท่องเที่ยวและชาวสงขลา โดยนำเอาคติความเชื่อเกี่ยวกับ พญานาคที่เชื่อว่า “พญานาค” เป็นสัญลักษณ์ของการ กำเนิดน้ำและความอุดมสมบูรณ์ ชาวใต้จึงนับถือพญานาคเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

พิพิธภัณฑ์พะธำมรงค์

พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ หรือ บ้านของตระกูลติณสูลานนท์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีก แห่งหนึ่งของ จัดสร้างขึ้นโดยกรมราชทัณฑ์ในสมัยของนายสนิท รุจิณรงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในขณะนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง บ้านพัก เดิมของบิดาของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์  อดีตนายกรัฐมนตรีและ รัฐบุรุษซึ่งเป็นชาวจังหวัดสงขลา ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนไม้ยกพื้นชั้นเดียว หลังคาทรงปั้นหยา 2 หลังคู่ มีชานเปิด โล่งเชื่อมถึงกัน ภายในมีการจัดแสดงข้างของเครื่องใช้ของครอบครัวติณสูลานนท์ในอดีตและประวัติสกุลวงศ์

 

วัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง)

เป็นวัดใหญ่และสำคัญที่สุดในจังหวัดสงขลา อายุ 400 ปี สร้างตอนปลายอยุธยา ภาย ในวัดมีโบราณสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ พระอุโบสถ สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นศิลปะประยุกต์ไทย-จีน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เช่น ภาพท่าเรือสงขลาที่หัวเขาแดงที่มีการค้าขายกันคึกคัก ซุ้มประตู เป็นศิลปะจีนกับยุโรป  นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัด ยังมี พิพิธภัณฑ์ภัทรศิลป จัดแสดงโบราณวัตถุ ซึ่ง รวบรวมได้จาก เมืองสงขลา สทิงพระ ระโนด และ อื่นๆ ของทางภาคใต้ ไว้อีกมาก เป็นหลักฐาน ที่สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ ควรค่าแก่การศึกษา

สะพานตินสูลานนท์

สะพานติณสูลานนท์ ที่ชาวสงขลานิยมเรียกว่า สะพานติณ หรือสะพานป๋าเปรม สะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุด นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.สงขลา สร้างขึ้นในสมัย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อ อำนวยความสะดวกในการคมนาคมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลานาน  สะพานแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยเชื่อมเกาะยอทั้ง 2 ด้าน  และช่วงที่ 2 เชื่อมระหว่างตอนเหนือของเกาะยอกับชายฝั่ง บ้านเขาเขียว อ.สิงหนคร  รวมทั้งสองตอนมีความยาวทั้งสิ้น 2,640 เมตร นับเป็น สะพานคอนกรีตข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

เกาะยอ

เกาะยอ เป็นตำบลหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะยอ ได้แก่  สัมผัสวิถีชีวิตชาวเกาะยอพักผ่อนนอนโฮมสเตย์ รีสอร์ท และท่องเที่ยวไปยังจุดที่น่าสนใจต่างๆบนเกาะยอ ได้แก่ วัดแหลมพ้อ สถาบันทักษิณศึกษา และร้านกาแฟ ร้านอาหารสุดชิล  บนเกาะมีภูมิทัศน์ที่สวยงามเป็นเกาะที่มีทั้งภูเขา ที่ราบ แหลม อ่าว ซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่น และมีสะพานติณสูลานนท์ เชื่อมระหว่างเกาะยอกับตำบลใกล้เคียงอันก่อให้เกิดมีทิวทัศน์ ที่สวยงามยิ่งขึ้น ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือเกาะยอ เป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังในทะเลสาบสงขลา ทำให้บนเกาะมีร้านอาหารชั้นดีมากมาย

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก เกาะยอ

สถาบันทักษิณคดีศึกษา 

ตั้งอยู่บนเนินเขาบนเกาะยอ จังหวัดสงขลา ใกล้เชิงสะพานติณสูลานนท์ช่วงที่ 2 ที่เชื่อมระหว่างเกาะยอกับเกาะใหญ่  ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ มีพื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่  อีกหนึ่งจุดเด่น คือ เป็นจุดชมทิวทัศน์ ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบสงขลาในมุมสูงที่มีสะพานเปรมตินสูลานนท์ทอดยาวผ่านทะเลสาบ และภาพของบ้านเรือนและกระชังปลากระพงที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตชาวประมงเกาะยอ

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก สถาบันทักษิณคดีศึกษา 

วัดแหลมพ้อ

วัดแหลมพ้อหรือวัดพระนอนวัดแหลม ตั้งอยู่ที่บ้านสวนทุเรียน ตำบลเกาะยอ ริมทะเลสาบสงขลา  เป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา ประดิษฐาน พระนอนปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุด  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  พระบาทมีลวดลายภาพศิลปะ   ทั้งนี้เนื่องด้วยที่ตั้งวัดอยู่ใกล้ถนนเชิงสะพานติณสูลานนท์ฝั่งเกาะยอ จึงทำให้เป็นสิ่งที่สะดุดตาของผู้ที่ขับรถผ่านไปมา

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก วัดแหลมพ้อ

หาดชลาทัศน์ 

หาดชลาทัศน์ เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลา  ลักษณะของหาดค่อนข้างเป็นเส้นตรง มีถนนชลาทัศน์เลียบแนวชายหาดและมีแนวต้นสนให้ความร่มรื่นยาวตลอดหาด เนื่องจากหาดหันไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงเช้าจึงพอจะใช้เป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย  จุดที่น่าสนใจของหาดชลาทัศน์ คือ ช่วงกลางของหาดมีเวทีประชาชนเทศบาลนครสงขลา เป็นสวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจโดยการสร้างสนามเด็กเล่นระหว่างแนวต้นสน เป็นสถานที่ฝึกซ้อมวอลเลย์บอลชายชายหาดของนักกีฬา ช่วงเช้าและเย็นมีประชาชนมาปั่นจักรยานบนถนน ด้านทิศเหนือสุดแนวหาดเชื่อมต่อกับแหลมสมิหลามีวงเวียนรูปปั้นคนอ่านหนังสือเพื่อให้คนไทยรักการอ่าน

dsc_1579

dsc_1580

วัดเขาเก้าแสน

วัดเก่าแก่ของจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองไม่ไกลจากหาดสมิหลา เป็นสถานที่ติดกับริมทะเลได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างทางเดินให้กับนักท่องเที่ยว สามารถเดินได้อย่างสะดวกไปยังบริเวณ หินศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ริมผา ชื่อว่า  “หัวนายแรง” เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาทำให้สามารถมองเห็นวิวของมองเห็นวิวทิวทัศน์ของชายหาดแหลมสมิหลา และเกาะหนูเกาะแมวได้อย่างสวยงาม สามารถเดินลงไปชายหาดเพื่อสัมผัสหาดทรายสีขาวสะอาดได้อย่างเพลิดเพลิน รวมทั้งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยแห่งหนึ่ง

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก วัดเขาเก้าแสน

หาดเก้าเส้ง 

อยู่ทางตอนใต้ของชายทะเลเมืองสงขลา เป็นหาดทรายที่ต่อเนื่องมาจากหาดชลาทัศน์ถึงโค้งอ่าวเล็กๆที่มีหมู่บ้านชาวประมงไปสุดปลายหาดที่โขดหินสูงคล้ายภูเขา สีของเม็ดทรายที่เก้าเส้งไม่ขาวมากนัก แต่ภาพรวมของหาดนี้สร้างความโดดเด่นไม่น้อยกว่าที่อื่น มีความเป็นธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวประมงแบบดั้งเดิม ที่นี่นอกจากยืนหยัดในอาชีพชาวประมงท้องถิ่นท่ามกลางชุมชนเมือง และยังเป็นแหล่งสร้างเรือกอและเรือประมงพื้นบ้านที่มีลวดลายสีสันสวยงาม แม้หาดจะสวยสู้ที่อื่นไม่ได้แต่มีเสน่ห์ในพื้นที่  ชายหาดมีโขดหินระเกะระกะอยู่ริมทะเล และมีก้อนหนึ่งตั้งเด่นอยู่เหนือโขดหินซึ่งชาวบ้านเรียกหินก้อนนี้ว่า”หัวนายแรง”ภูมิทัศน์ของเขาเก้าเส้ง เป็นเขาหินมีต้นไม้เล็กน้อยก็แตกต่างจากภูเขาริมทะเลอื่นๆ ของสงขลา มีพื้นที่ติดกับทะเลอ่าวไทย โดยมีก้อนหินใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ที่ปลายสุดเป็นลักษณะสำคัญ ทิวทัศน์จากบริเวณหัวนายแรงนี้มองไปเห็นเกาะหนูเกาะแมวอยู่ลิบๆ

อำเภอหาดใหญ่

สวนสาธารณหาดใหญ่ (หาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์)

สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นที่ตั้งของ  หาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย กระเช้าลอยฟ้าหาดใหญ่ เป็นเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคอหงส์จากพระพุทธมงคลมหาราชคือสถานีที่ 1 ไปยังท้าวมหาพรหม สถานีที่ 2 เบื้องหน้าคือเจ้าแม่กวนอิม ระหว่างทางจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามจากยอดเขามองลงสู่เบื้องล่าง เห็นเมืองหาดใหญ่และทะเลสาบสงขลา  ภายในสถานีกระเช้าลอยฟ้ายังสัมผัสได้ถึงความโปร่งสบายทันสมัย และสามารถชมทัศนียภาพ ของเมืองหาดใหญ่ได้โดยรอบ รวมไปถึงการบริการต่างๆ ที่เตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยว อาทิ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ส่วนบริการนักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ที่คอยให้การบริการแก่ผู้มาเยือนด้วยความเต็มใจกับการสัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการท่องเที่ยว ที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย

พระมหาเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล  

พระมหาเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล  ตั้งอยู่บนเขาคอหงส์ เป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สร้างด้วยแสตนเลสทั้งหมด  จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลเดช เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี   ตัวเจดีย์ เป็นการนำสแตนเลสเส้นกลมหลายขนาดมาเชื่อมต่อเรียงกันเป็นรูปของเจดีย์ ส่วนยอดเจดีย์ทำเป็นคล้ายปล้องไฉน มีฉัตรอยู่บนยอดสุด เป็นเจดีย์องค์แรกที่สร้างขึ้นด้วยสแตนเลสทั้งองค์ เวลาต้องแสงแดดจะเกิดส่องประกายสีเงินแวววาว ผู้สร้างค์ใช้สแตนเลสเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง เพื่อแทนนัยแห่งความบริสุทธิ์

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก เจดีย์สเตนเลส

วัดหาดใหญ่ใน

ตั้งอยู่ในในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่งของอำเภอหาดใหญ่ หนึ่งในสถานที่เที่ยวชมวัดที่สวย  มีสิ่งสำคัญ คือ เป็นวัดที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่ยาว 35 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร ชื่อ พระพุทธหัตถมงคล ที่ว่ากันว่าใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมากราบไหว้  ใต้ฐานพระนอนมีการสร้างห้องพระไว้ ภายในประดิษฐานพระหลายองค์ และเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเปิดให้เข้าได้ทุกวัน โดยทางเข้าอยู่ที่ฐานพระด้านหลัง

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก วัดหาดใหญ่ใน

ตลาดน้ำคลองแห

ตลาดน้ำคลองแห ตั้งอยู่ที่ท่าน้ำวัดคลองแห นอกตัวเมืองหาดใหญ่ไปเล็กน้อย เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของภาคใต้ แม้เป็นตลาดน้ำเกิดใหม่ แต่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว มีอาหารพื้นบ้านหลากหลายทั้งอาหารไทย มุสลิม รวมทั้งผลไม้ และสินค้าพื้นเมืองนานาชนิด มีเรือพายนับร้อยลำพายมาจอดเรียงรายให้บริการริมท่าน้ำวัดคลองแหอย่างเป็นระเบียบ และมีร้านค้าที่ริมฝั่งมากมายให้เดินเลือกชมอย่างเพลิดเพลิน เปิดตลาดในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 – 20.00 น. สามารถซื้อหาของฝากกลับบ้านหรือจะนั่งรับประทานที่ตลาดน้ำตามสะดวก โดยทางตลาดน้ำได้รณรงค์ให้ใช้ภาชนะใส่อาหารจำพวก กะลา กระบอกไม่ไผ่ หม้อดินเผา ที่ไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม และในตลาดน้ำแห่งนี้ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรมภาคใต้ให้ได้ชมกันทุกวันด้วย

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติม คลิ๊ก ตลาดน้ำคลองแห

ตลาดกิมหยง

ตลาดกิมหยง เป็นตลาดขายของฝากและของที่ระลึกขนาดใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ บนอาคารสองชั้น ริมถนนละม้ายสงเคราะห์ ชั้นบนเป็นร้านขายสินค้า ชั้นล่างเป็นตลาดขายของแห้ง  เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงคู่กับ ตลาดสันติสุข ซึ่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอมและเครื่องสำอาง ซึ่งอยู่ริมถนนนิพัทธ์อุทิศ ในย่านเดียวกัน ในอดีตตลาดกิมหยงบริเวณชั้นล่างนอกจากจะเป็นตลาดสดเหมือนตลาดทั่วไปแล้วยังมีการจำหน่ายสินค้าที่มาจากประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอาหารแห้ง กาแฟสำเร็จรูป ขนม เครื่องดังนั้นตลาดกิมหยงจึงเป็นแหล่งทีนักท่องเที่ยวชาวไทยสำอางค์ เครื่องใข้ไฟฟ้า ที่นักท่องเที่ยวนิยม มาซื้อหาสินค้าเหล่านี้เพื่อกลับไปเป็นของฝาก

น้ำตกโตนงาช้าง

น้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมาก แห่งหนึ่งของภาคใต้และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออก เป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่างๆหากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน  ได้แก่  ชั้นที่ 1.โตนบ้า  ชั้นที่ 2.โตนปลิว  ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง หากเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้างต้องไม่พลาดชั้นนี้ ซึ่งจะได้สัมผัส กับจุดที่เรียกว่า โตนงาช้าง ชั้นที่ 4.โตนดำ  ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย  ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่  ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน