เที่ยวทุ่งกังหันลม อำเภอซับใหญ่ ชัยภูมิ
ชัยภูมิ มีสภาพภูมิประเทศเป็นหุบช่องลมขนาดใหญ่ของเทือกเขาพังเหย ทำให้มีลมพัดตลอดทั้งปีเหมาะแก่การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลม ทำให้มีการสร้างกังหันลมหลายร้อยต้น สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าใน 2 อำเภอ ที่อยู่ในบริเวณเทือกเขาพังเหย คือ อำเภอเทพสถิต ซึ่งเป็นที่ตั้งของทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม และอำเภอซับใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติไทรทอง และอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม นอกจากทุ่งดอกกระเจียว แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของชัยภูมิแล้ว อยากให้มาชมอีกหนึ่งจุดเช็คอินสุดว้าวที่น่ามาเที่ยวชม ที่ ทุ่งกังหันลม อำเภอซับใหญ่
เราเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยวในโซนอำเภอเทพสถิตในช่วงเที่ยงก่อน จากนั้นบ่ายสามเดินทางมาถึงอำเภอซับใหญ่ ความรู้สึกแรกที่ได้เข้ามาในตัวอำเภอรู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์และสวยงาม อากาศดีมาก เหมือนเที่ยวอยู่บนดอยในโซนภาคเหนือ หากมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวคงฟินหน้าดู ตลอดสองข้างทางคือ พื้นที่สีเขียวของไร่มันสำปะหลัง ต้นไม้และทุ่งหญ้า และกังหันลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตลอดเส้นทางแทรกไปในเทือกสวน ไร่นาของชาวบ้านได้แบบกลมกลืน ในอำเภอซับใหญ่มีทุ่งกังหันลมที่สร้างเสร็จแล้วจำนวน 136 ต้น และจะมีโครงการสร้างเพิ่มอีกเพื่อเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาด ทุ่งกังหันลมซับใหญ่ จะมีจุดชมวิวที่สามารถเข้าไปชมได้แบบใกล้ชิดเป็นวิวทุ่งหญ้ากว้าง ที่รายล้อมด้วยไร่มันสำปะหลัง และด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม ทำให้นอกจากจะใช้ผลิตพลังงานแล้ว ปัจจุบันยังส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย
คืนนี้เราค้างที่ซับใหญ่ 1 คืน โดยพักที่ เฟรซแอนด์ฟาร์ม รีสอร์ท น่าจะเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวในอำเภอที่มีตอนนี้ เป็นที่พักขนาดเล็กเรียบง่าย ขนาดห้องไม่กว้างมากนัก หากนอน 2 คนอาจมีแน่นห้อง ภายในห้องพัก มีแอร์ ทีวี ในราคาคืนละ 400 บาท สำหรับใครที่ชอบความสะดวกสบาย ห้องกว้าง แนะนำให้ไปพักในตัวเมืองชัยภูมิจะโอเคกว่า แวะเที่ยวช่วงเย็นก็เข้าตัวเมืองชัยภูมิต่อ จากอำเภอซับใหญ่ไปตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 40 นาที
หลังจากพักผ่อนในที่พักแล้ว รอแดดร่ม เวลา 16.30 น. เราเดินทางไปจุดชมวิวทุ่งกังหันลม ที่น้องเจ้าของที่พักบอกว่าตรงนี้แหละสวยที่สุดในอำเภอ ระหว่างทางยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้แวะชม คือ ผาหินห่าว จอดรถไว้บริเวณถนนหน้าทางเข้า ซึ่งมีการทำสะพานทอดยาวไปถึงจุดชมวิวเดินไปแค่ 100 เมตร ก็จะได้พบกับผาหิน ที่เบื้องหน้า คือ วิวของภูเขาและผืนป่าเขียว ณ จุดชมวิวแห่งนี้สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกและในช่วงเวลาเช้าในวันที่มีความชื้นสูง หรือฝนตกใหม่ จะได้เห็นสายหมอกลอยอยู่เหนือหุบเขาอีกด้วย
จุดต่อไป ที่เราแวะคือ ร้าน Touch the wind เป็นร้านกาแฟ ซึ่งน่าจะเป็นร้านเดียวในซับใหญ่ ความพิเศษของร้าน คือ โลเคชั่นที่มีวิวสวยมาก มองเห็นกังหันลมและไร่มันสำปะหลังที่ได้บรรยากาศสุดๆ วันที่ไปร้านกำลังตกแต่ง ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี เลยไม่ได้เก็บภาพโดยรวมในหน้าร้านมาได้ทั้งหมด แต่ทราบจากน้องมิคกี้ เจ้าของร้านว่าอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว น้องพาเราไปชมบรรยากาศชั้นสอง ซึ่งจัดเป็นโซนของร้านอาหารสไตล์หมูกระทะ ปิ้งย่าง และจัดโต๊ะได้อย่างพิถีพิถันมาก มีระเบียงชมวิวที่มุมนี้แหละแจ๋วสุดๆ เห็นวิวกังหันลมได้แบบพาโนรามา แถมมีที่นั่งแบบแปลโซฟาให้นั่งชิลอีกด้วย และกำลังมีโครงการก่อสร้างที่พักซึ่งคาดว่าาจะเสร็จเรียบร้อยในช่วงเดือนต.ค. เพื่อต้อนรับฤดูหนาว ลองนึกภาพนั่งกินปิ้งย่าง จิบเครื่องดื่ม เคล้าบรรยากาศเย็น คงฟินมาก หน้าหนาวไม่ต้องหาอากาศเย็นทางเหนือ มาซับใหญ่ ชัยภูมิ นี่แหละใช่เลย
จากนั้นเราจะไปชมจุดถ่ายภาพไฮไลท์ของทุ่งกังหันลม จากร้าน Touch the wind ประมาณ 200 เมตร จะมีซอยทางเข้าเป็นถนนดินผสมกับหินมีป้ายชื่อ บ้านหนองบัว หมู่ 11 ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยนั้น หากใครไปไม่ถูกสอบถามเส้นทางจากน้องมิคกี้เจ้าของร้าน Touch the wind ได้ น้องเป็นผู้รอบรู้ในซับใหญ่พ่วงตำแหน่งผู้นำชุมชนที่กำลังส่งเสริมเรื่องท่องเที่ยวที่ยินดีให้ข้อมูลค่ะ หลังจากเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านหนองบัว จากนั้นขับรถตรงไป จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปยังจุดที่ต้นกังหันลมเยอะๆ เส้นทางนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการชมวิวทุ่งกังหันลม ชอบมุมไหนก็ลงไปถ่ายภาพได้เลย สวยตลอดเส้นทาง คือ เราลงไปถ่ายภาพตลอด ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพนี้ถ่ายตรงจุดไหน เพราะเห็นสวยปุ๊บจอดรถลงเลย
ระหว่างทางผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน เห็นต้นข้าวสีเขียวไล่โทนสี บนดินสีน้ำตาล มองไปเบื้องหน้า คือ ไร่มันสำปะหลัง มีกังหันลมตั้งเรียงรายบนเนินเขาเตี้ยๆ แบบว้าวมาก ต้องรีบจอดรถและลงไปถ่ายภาพ คือ เป็นทุ่งกังหันลมที่ถ่ายภาพแล้วรู้สึกว่าได้ฟีลความเป็นท้องถิ่นแบบโลคอลได้ดีมาก
ขับชมวิวไปเรื่อยๆ ผ่านพำนักสงฆ์ รัตนบรรพต ไปจนถึงศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงซึ่งเป็นศูนย์ของน้องมิคกี้ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตร การทำ work shop ขนาดเล็ก ซึ่งตรงจุดนี้ก็สามารถชมวิวของกังหันลมได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง
จากนั้นกลับไปยังเส้นทางเดิมมาถึงซอยเล็กๆที่มีป้าย “พำนักสงฆ์ รัตนบรรพต” ก็ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปจะเห็นป้ายชื่อเลขของต้นกังหันลม ซึ่งเขียนไว้บนป้ายสีขาวขนาดเล็กหลายเลขมาก โดยรหัสตัวอักษรจะขึ้นต้นด้วย TG ให้ไปตามตำแหน่งที่ตั้งของกังหันลม TG13 หรือต้นที่ 13 นั่นเอง
ระหว่างทางก็จะเห็นวิวของกังหันลมที่อยู่ข้างล่างอยู่ไกลๆ มองผ่านไร่มันสำปะหลัง คือ วิวดีมาก
ก่อนถึงกังหันลมต้นที่ 13 สามารถจอดรถและเดินถ่ายรูปได้ตลอดทาง เพราะวิวสวยมาก ยิ่งมาในช่วงเย็นแสงสวยส่องกระทบลงมาบนดอกหญ้าที่กำลังปลิวไสว มีความงดงามสุดๆ แถมยังสามารถเข้าไปดงดอกหญ้าแล้วถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้อีกด้วย
เดินมาถึงกังหันลม TG 13 ซึ่งมีป้ายเขียนไว้ข้างหน้า จะได้วิวของทุ่งกังหันลม ที่มีฉากหลังเป็นภูเขา และเมื่อหันมองมายังทางที่เราเดินมาก็จะเห็นวิวของกังหันลม เรียงรายตลอดเส้นทาง
อำลาแสงสุดท้าย ของวิวทุ่งกังหันลมซับใหญ่ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ชัยภูมิไม่ได้มีดีแค่ทุ่งดอกกระเจียว และมอหินขาวอีกต่อไป แต่ยังเป็นถิ่นของทุ่งกังหันลม ที่มีวิวทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติและสวยงามเข้ากับบรรยากาศในสไตล์ท้องถิ่น ที่สำคัญสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอฤดูฝน
รายละเอียดติดต่อ
ร้าน Touch the wind ติดต่อ คุณมิคกี้ โทร 092 889 1004
เฟรซแอนด์ฟาร์ม รีสอร์ท โทร 089-721-3243
คลิ๊ก เฟสบุค เฟรซแอนด์ฟาร์ม
การเดินทางมาชมทุ่งกังหันลมซับใหญ่ แบบไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถโดยสาร สาย 9903 กรุงเทพ-เทพสถิต-หนองบัวระเหว-ชัยภูมิ ขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต สามารถค้นหารอบรถและบริษัทที่ให้บริการได้จาก google ตามความสะดวก (รถจะแวะที่อุทยานป่าหินงาม จากนั้นมายังอำเภอซับใหญ่ และหนองบัวระเหว อุทยานแห่งชาติไทรทอง ) สามารถบอกคนขับรถให้จอดหน้าที่พัก เฟรซแอนด์ฟาร์ม รีสอร์ท และหากอยากไปเที่ยวชมทุ่งกังหันลม สามารถสอบถามที่คุณมิคกี้ หรือ น้องอ้อม เจ้าของที่พัก เฟรซแอนด์ฟาร์ม รีสอร์ท ซึ่งอาจจะจัดหารถนำเที่ยวโดยคิดค่าใช้จ่าย