สะพานข้ามกาลเวลา สตูล ก้าวสู่อีกยุคหนึ่งเพียงแค่ก้าวผ่าน
สะพานข้ามกาลเวลา ตั้งอยู่ในอำเภอละงู ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล โดยมีลักษณะเด่นเป็นหน้าผาริมทะเลที่สูงชัน มีทางเดินริมทะเลทอดยาวเลียบภูเขาที่เรียกว่า เขาโต๊ะหงาย เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมทะเล ช่วงหนึ่งของหน้าผามีสีสันของชั้นหินที่แตกต่างมีการพบรอยสัมผัสของหิน 2 ยุค คือ หินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน (อายุประมาณ 541– 485 ล้านปี ) และ หินปูนยุคออร์โดวิเชียน (อายุประมาณ 485-444 ล้านปี) ซึ่งมีอายุต่างกันถึงกว่า 400 ปี โดยรอยสัมผัสของหินทั้งสองยุค เกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่มีความชัดเจนและหาดูได้ยาก เสมือนหนึ่งว่าสามารถก้าวย่างข้ามกาลเวลาจากยุคแคมเบรียนไปสู่ยุคออร์โดวิเชียนได้แค่เพียงก้าวผ่าน จึงเป็นที่มาของชื่อ สะพานข้ามกาลเวลา หรือ เขตข้ามกาลเวลา
สะพานข้ามกาลเวลา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือปากบารา ท่าเรือไปเกาะหลีเป๊ะ ในพื้นทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เมื่อมาถึงชำระอัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท โดยจัดทำเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ไปจนสุดผลายหาดอีกฝั่ง แต่หากไปแค่จุดเช็คอินยอดนิยมบริเวณป้ายสะพานข้ามกาลเวลา ระยะทางเดินประมาณ 1 กม.บริเวณซุ้มประตูมีแผนที่บอกว่าระหว่างทางเดินมีจุดที่สำคัญตรงจุดใดบ้าง
เส้นทางเป็นทางเดินยกสูงริมทะเลเลียบหน้าผาหิน จุดแรก เป็นที่ตั้งของบ้านพักอุทยานและร้านอาหารของอุทยานที่เราสามารถแวะทานอาหารได้ สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำมาเที่ยวชมบรรยากาศ คือ ช่วงเย็นประมาณ 4 โมงเย็น เพราะสามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เรามาช่วงเย็นแต่สภาพอากาศในวันที่เดินทางมีฝนทำให้ฟ้าครึ้ม แอบเสียดายอีกแล้ว
เดินมาได้นิดนึงเริ่มเข้าสู่ยุคออร์โดวิเชียน ซึ่งหน้าผาหินในยุคนี้ คือหินปูนสีดำ มีต้นไม้สีเขียวขึ้นแซมบริเวณหน้าผาหิน มองเห็นพื้นน้ำทะเลสีเขียว มีศาลาชมวิวอยู่ข้างบนด้วย
เมื่อมาถึงครึ่งทางสีของหินและหน้าผาจะเริ่มกลายเป็นหินทรายสีแดง นั่นหมายถึงกำลังเดินเข้าสู่ยุคแคมเบรียน ผ่านจุดไฮไลท์ คือ หินสองก้อนที่มีลักษณะปลายแหลมโดดเด่นท่ามกลางสะพาน จนมาถึงป้ายเขตข้ามกาลเวลา ที่สามารถเห็นรอยต่อของหินในสองยุคได้แบบชัดเจน และหน้าผาหินในช่วงนี้จะเริ่มเป็นสีแดง ตลอดทางเดินบนสะพานสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลและวิวเกาะของทะเลสตูล ยืนชมวิวไปก็คิดว่าถ้าสภาพอากาศดีกว่านี้ คงเป็นสถานที่ที่สวยมาก ได้แสงอาทิตย์ในยามเย็นส่องกระทบลงมายังหน้าผาหินและท้องทะเล คงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านเข้าไปในอีกยุคหนึ่งจริงๆ