เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตัวเอง EP2 พิชิตจุงเฟรา
สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่มียอดเขาสวยงามหลายแห่ง หนึ่งในยอดเขาฮิตที่ไม่ควรพลาด คือ จุงเฟรา ยอดเขาสูงที่สุดในทวีปยุโรป ได้รับการขนานนามว่าเป็น Top Of Europe และยังเป็นที่ตั้งของ จุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก เป็นสถานที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ยอดเขาจุงเฟรา ยังถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 2001 เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปอีกด้วย
สำหรับ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตัวเอง EP 1 เริ่มต้นเที่ยวสวิส ที่เมือง Interlaken ตามรอยสหายผู้กอง
สามารถคลิ๊กอ่านได้ที่ https://www.paiduaykan.com/interlaken
สำหรับการเดินทางไปเที่ยวยอดเขาจุงเฟรา หากเดินทางด้วยรถไฟ ต้องมาขึ้นรถไฟต้นทางที่สถานี Interlaken OST แต่ถ้าเดินทางด้วยรถส่วนตัวสามารถนำรถไปจอดได้ที่ lauterbrunnen หรือ Stechelberg แล้วต่อรถไฟไปจุงเฟรา เราพักที่ Interlaken west นั่งรถไฟไม่ถึง 5 นาที มาถึงสถานี Interlaken Ost จากนั้นเดินไปซื้อตั๋วที่สถานีได้เลย สำหรับการไปเที่ยวจุงเฟรา สามารถเลือกเดินทาง 2 เส้นทาง คือ ซื้อตั๋วไปลงสถานี Grindelwald หรือไปลงสถานี Lauterbrunnen จะเลือกเดินทางแบบไหนก็ได้ ต่างกันแค่วิวระหว่างทางเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าจะเลือกไปทางไหนสุดท้ายต้องมาต่อรถไฟไปสถานี KleineScheidegg เหมือนกัน
เราเลือกลงที่สถานี lauterbrunnen ส่วนขากลับค่อยไปลงที่สถานี grindelwald และนั่งรถไฟกลับไปยัง Interlaken west สำหรับบัตรไป-กลับยอดเขาจุงเฟรา ประมาณ 200 ฟรังค์ แต่ถ้าหากใช้บัตร Swiss Pass ลด เหลือ 140.60 ฟรัง ซึ่งเราใช้ swiss pass เป็นส่วนลด เป็นเงินไทยราคาไม่น้อย ประมาณ 5 พันบาท Up ขึ้นอยู่กับค่าเงินในตอนนั้น ยอดเขาจุงเฟรา เป็นยอดเขาที่ค่าขึ้นแพงที่สุดในสวิสค่ะ อย่างยอดเขาอื่นบางแห่งค่าเข้าไม่สูง หลักร้อยถึงพันต้นๆ แถมใช้ swiss pass ลด 50% บางแห่งขึ้นฟรี แต่สักครั้งมาสวิสขอไปเที่ยวจุงเฟราให้ได้ พลิกตั๋วด้านหลัง เห็นชื่อสถานีที่ต้องไปผ่าน โดยตั๋วใบนี้จะเริ่มนับจากสถานี wengen สถานีรถไฟสุดท้ายที่ได้ใช้ swiss pass ฟรี
ได้ตั๋วแล้วรอรถไฟไปลงสถานี lauterbrunnen รถไฟสีเขียว เหลือง มีความโบราณคลาสสิคนิดหนึ่ง จะไม่เหมือนรถไฟที่โดยสารทั่วไปในสวิสที่จะใช้สีแดงเป็นหลัก
เมื่อมาถึงสถานี lauterbrunnen เปลี่ยนไปนั่งรถไฟขบวนสีเหลืองน้ำเงิน นั่งคันนี้ยาวไปจนถึงสถานี kleine scheidegg แนะนำให้เลือกนั่งด้านขวามือ จะได้เห็นแต่วิวสวยๆตลอดเส้นทาง
นั่งรถไฟชมวิวมาเรื่อยๆ จะผ่านเมือง wengen เมืองสุดท้ายของสวิส ที่สามารถใช้ swiss pass นั่งรถไฟมาเที่ยวฟรี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงที่ตั้งเรียงรายสลับซับซ้อน wengen ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในโลก มองแล้วเหมือนหมู่บ้านในนิทาน วิวสวยสะกด ขนาดถ่ายภาพรถไฟด้วยมือถือยังสวยเว่อมากๆ ถ้ามาสวิสครั้งหน้า ตั้งใจว่าจะต้องมาเดินเล่นที่หมู่บ้านนี้ให้ได้
เพลินกับการมองวิว ก็ใกล้ถึงสถานี Kleine Scheidegg แล้ว วิวระหว่างยิ่งสวย เป็นวิวของเทือกเขาจุงเฟราแบบใกล้ชิดมากขึ้น ต้องชื่นชมในการดีไซน์รถไฟของประเทศนี้ บ้านเมืองจุดขายคือ วิวสวย รถไฟของสวิสจึงเป็นหน้าต่างกระจกที่ค่อนข้างกว้างมาก นั่งในรถไฟไม่ว่าขบวนไหน เหมือนกำลังถูกขนาบข้างด้วยวิวทั้งสองข้าง ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่การได้มองวิวจากรถไฟกันไปเลย
มาถึงสถานีรถไฟ Kleine Scheidegg สุดทางแล้วให้สังเกตรถไฟสีแดงไว้ มีอยู่คันเดียวที่จะขึ้นไปจุงเฟรา ขึ้นมาบนรถไฟ พยายามนั่งด้านขวาของขบวนไว้ เพราะจะได้เห็นวิวระหว่างทางที่สวยเว่อวัง รถไฟจะค่อยๆไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
วิวระหว่างทาง เทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ทุ่งหญ้สลับสีเขียวเหลือบนเนินเขา มองแล้วเหมือนภาพวาด ที่มองเห็นเส้นถนนนั่นคือ เส้นทางเดินเทล นักท่องเที่ยวสายลุยบางคน จะชอบมาเดินชมวิวในเส้นทางนี้
นั่งรถไฟไต่เขามาถึงจุดแรก รถไฟจะหยุดให้แวะลงไปชมวิว แต่จะสามารถชมได้ผ่านกระจกภายในห้องเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถเดินออกไปได้ แค่จุดแรกสวยสุดๆ มองเห็นภูเขาหิมะสีขาวโพลน พร้อมวิวของยอดเขาที่อลังการ
หลังจากชมวิวแล้ว นั่งรถไฟไต่เขาไปเรื่อยจนถึงสถานี Jungfraujoch ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง เดินเข้ามาข้างในอาคารจะเจอกับจุดขายอาหารและที่นั่ง อาหารที่ขายเป็นอาหารง่ายๆ เช่น ขนมปัง แซนวิช ครื่องดื่ม ถ้าหิวสั่งทานรองท้องไว้ก่อนได้
จากนั้นเดินขึ้นบันไดเพื่อจะไปยังจุดไฮไลท์ Top Of Europe ซึ่งเราเรียกเองว่า จุดถ่ายรูปธงสวิส ระหว่างทางจะเจอกับร้านขายของที่ระลึกก่อน
ขึ้นบันไดมาน่าจะประมาณชั้นสาม จะเจอกับทางออกมายังจุดนี้ ค่อยๆเดินจับเชือกไป หิมะลื่นมาก แนะนำให้ใส่รองเท้ากันหิมะจะช่วยได้เยอะเดินได้แบบมั่นคงกว่า ลานตรงนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะคนไทยเกินครึ่ง ไปเที่ยวสวิสไม่ต้องกลัวเหงาเลยค่ะ เพราะคนไทยเยอะจริงๆ
บริเวณนี้ลานหิมะ ที่ไม่กว้างมาก และเป็นจุดไฮไลท์ของการมาเที่ยวจุงเฟราที่ทุกคนต้องมายืนถ่ายภาพกับธงสวิส ที่พัดปลิวไปมา วิวด้านหลังคือ ยอดเขาจุงเฟรา ที่เป็นจุดสูงสุด เรียกว่า Top Of Europe
วิวโดยรอบสวยงามอลังการมาก ดีใจที่ได้พาตัวเองมายืนยังสถานที่ในฝันตั้งแต่เด็ก เพราะปกติได้แต่เห็นจากละคร ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้มายืนตรงจุดนี้ มีความสุขมาก กดรูปตัวเองแบบรัวๆ โดยลืมอากาศหนาวในอุณหภูมิที่ติดลบไปเลย
ออกมาจาก Top Of Europe ก็ไปต่อยังจุดอื่น วิธีการเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุดก็คือ เดินไปตามป้าย Tour ค่ะ ลูกศรชี้ไปทางใหนก็เดินตามป้ายไปค่ะ เพราะในคู่มือเล่มสีแดงก็บอกว่าให้เดินเที่ยวไปตามลูกศรีชี้ว่า Tour ก็จะเที่ยวได้ครบ มีจุดท่องเที่ยวต่างๆให้เดินชมอีกหลายจุด ทั้ง ห้องน้ำแข็ง ลานสกี เหมือนฐานต่างๆ จะแวะหรือไม่แวะตรงไหนก็ได้ ถ้างงหรือหลง ก็ตามนักท่องเที่ยวแถวนั้นได้เลย
อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ จุมชมวิว Sphinx Terrace จะอยู่คนละฝั่งกับจุดถ่ายรูปธงสวิส ให้กลับมาตั้งต้นที่จุดขายอาหาร หันหน้าเข้าหาสถานีเลี้ยวไปทางขวาค่ะ และเดินตามป้ายทัวร์ จะมีจุดขึ้นลิฟท์ไปชั้นสูงสุดเพื่อไปยัง Sphinx Terrace ตอนขึ้นไปจะไม่ค่อยงง แต่ตอนกลับลงมาที่เดิมงงมาก ถ้าหลง ให้ถามนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้นไว้ คนไทยเยอะค่ะ
พอขึ้นมาด้านบนจะเป็นห้องกระจกชมวิว 360 องศา พื้นที่ค่อนข้างแคบ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก และจุดนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ชื่อดัง crash landing on you มีป้ายบอกด้วย
มีสะพานแขวนในแต่ละชั้น อยู่ติดกับตัวอาคารด้านล่าง สามารถเดินลงไปได้เลย
ถ้าหนาวมากก็เดินเข้ามาในอาคารพักก่อนค่ะ อาคารเป็นแบบกระจก มองเห็นวิวข้างนอก
อยู่ที่นี่เกือบทั้งวัน เพลินมากและมีความสุขมาก ได้เวลากลับแล้ว ออกมาที่สถานีรถไฟจุงเฟรา ซึ่งขากลับเราเลือกกลับจากสถานี Grindelwald ซึ่งการไปที่สถานีนี้ ต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีจุงเฟรา เพื่อไปลงที่สถานีรถไฟGrindelwald ถ้างงให้ถามเจ้าหน้าที่ได้บอกจะไป Grindelwald เขาจะชี้ทางให้เองว่าต้องเดินไปทางไหน แต่ถ้าใครเลือกกลับทาง lauterbrunnen ก็นั่งรถไฟจากจุงเฟราเพื่อไปลงสถานี lauterbrunnen ซื้อตั๋วไปกลับแบบไหนก็ให้ไปตามนั้น อย่างเราเริ่มที่ lauterbrunnen กลับทาง Grindelwald ต้องไปตามตั๋ว จะกลับทาง lauterbrunnen ไม่ได้
นั่งกระเช้าจากสถานีจุงเฟราไต่ระดับความสูงมาเรื่อยๆ หูอื้อนิดหน่อย ปกติเป็นคนที่กลัวความสูงมาก แต่พอเห็นวิวระหว่างทาง ทำให้ลืมว่ากลัว เพราะวิวสวยสะกดต้องให้มองแบบไม่อยากละสายตา ทั้งภูเขา หญ้าเขียว มองเห็นหมู่บ้าน Grindelwald ที่อยู่ด้านล่าง มีความเทพนิยายอีกแล้ว เรามาเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้เห็นสีของต้นไม้ ทั้งสีเหลือ สีส้ม สีเขียวสลับกันไป ถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูหนาวหมู่บ้านนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ วิวที่ได้เห็นจะแตกต่างกันไปตามฤดูที่เที่ยว
กระเช้ามาสุดทางที่ Grindelwald จะเดินเล่นชมหมู่บ้านก่อนกลับ แต่เราเลือกที่จะกลับ เพราะเย็นแล้วเดินมาที่สถานีรถไฟ เพื่อไปลงที่สถานี Interlaken OST ที่เรามาในตอนแรก จากนั้นก็นั่งกลับที่พัก Interlaken west เป็นการจบทริปเที่ยวยอดเขาจุงเฟราที่ประทับมาก ดีใจที่ได้มาชมวิวภูเขาหิมะ สุดอลังการที่คุ้มค่ามาก