4 วัน 3 คืน เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก
มาเที่ยวสุราษฎร์ธานี โซนท่องเที่ยวใกล้ เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก ยังคงเป็นโซนยอดฮิต ที่ต้องใส่ไว้ในเพลนท่องเที่ยว เพราะเส้นทางนี้มีจุดท่องเที่ยวหลายจุด มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งวิวภูเขาหินปูนที่สวยงาม สายหมอกบางในยามเช้า สถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางที่ควรค่าแก่การแวะ สำหรับเพลนท่องเที่ยวจะไม่เน้นนอนแพในเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือในอุทยานเขาสก แต่จะเน้นท่องเที่ยวและพักผ่อนยังจุดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เขื่อนเชี่ยวหลานและอุทยานเขาสก ที่โดดเด่นไม่แพ้กันจัดมาให้ครบ ทั้งที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ที่ควรแวะ 4 วัน 3 คืน เต็มอิ่มกันไปเลย
วันแรก โซนเขื่อนเชี่ยวหลาน
เริ่มต้นการเดินทางไปยังโซนเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ตั้งอยู่ในอำเภอตาขุน นอกจากเขื่อนเชี่ยวหลานที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเข้าไปในเขื่อนเพื่อนอนในแพกันแล้ว ยังมีที่พักที่อยู่รอบทางไปเขื่อนที่น่าพักผ่อน วิวสวยแบบปังๆ อยู่หนึ่งแห่งนั้นคือ ภ สำเภาแคมปิ้ง ซึ่งเป็นจุดหมายที่ตั้งใจแวะมาเพราะอยากมาพักที่นี่ ก่อนเข้าที่พัก แวะไปเที่ยวยัง สะพานบ้านตาขุน หรือสะพานแขวนรูปหัวที่อยู่ไม่ไกลกัน
สำหรับการเดินทางปักหมุดมาที่สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ มาถึงแล้วให้มาจอดรถบริเวณ วัดเขาพัง โดยมีค่าบริการจดรถคันละ 20 บาท เดินมานิดเดียวจะถึงสะพาน บริเวณด้านหน้ามีร้านอาหาร ชื่อว่า ร้านอาหารเคียงคลอง บรรยากาศดีอยู่ติดริมน้ำ หากใครหิวแวะฝากท้องที่ร้านนี้ได้ อาหารเน้นเป็นเมนูอาหารใต้แบบท้องถิ่น
สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ อีกหนึ่งจุดเช็คอินห้ามพลาดหากมาเที่ยวในเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นสะพานแขวน ระยะทางยาว 120 เมตร ทอดตัวข้ามลำธารกับป่าไม้ที่เขียวขจี บรรยากาศทิวทัศน์ความเป็นธรรมชาติโดยรอบมีความงดงาม และมีความสวยแปลกตาของเขาเทพพิทักษ์ ภูเขาสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่ด้านหลังสะพาน มีรูปร่างคล้ายกันกับรูปหัวใจ จึงเป็นที่ของชื่อ ภูเขารูปหัวใจ
ระหว่างทางเดินจะได้เห็นทัศนียภาพของภูเขาและป่าไม้เขียวขจี ซึ่งภูเขาที่โดดเด่น คือ ภูเขารูปหัวใจที่สามารถมองเห็นได้จากสะพาน
ลำธารที่ไหลผ่าน คือ น้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเชี่ยวหลาน สังเกตว่าน้ำจะมีสีเขียวเหมือนกับสีน้ำในเขื่อน ระดับปริมาณของน้ำในลำธารจะมากน้อย ขึ้นอยู่กับเวลาปล่อยน้ำจากเขื่อนซึ่งจะมาเป็นรอบค่ะ ถ้ามาช่วงเช้าเขื่อนยังไม่ได้ปล่อยน้ำ คลองจะแห้งจนมองเห็นโขดหินที่อยู่ข้างล่าง ให้ภาพที่สวยไปอีกแบบ ส่วนช่วงเที่ยงเขื่อนเริ่มปล่อยน้ำออกมา น้ำจะเต็มแบบในภาพ เป็นช่วงเวลาที่นิยมมาล่องแพกันบริเวณนี้ ซึ่งหากใครอยากพักค้างคืน ยังมีที่พักของคนในพื้นที่ให้บริการพักผ่อน และมีบริการล่องแพด้วย
บริเวณทางเดินด้านล่างยังมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน และมองเห็นวิวของสะพานและภูเขาที่ขนานคู่กันได้แบบเต็มๆ สะพานแขวนเขาพัง เป็นสถานที่ที่มีความเป็นธรรมชาติของป่าเขา และลำธาร ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก
ภ สำเภา คาเฟ่
ก่อนเช็คอินเข้าที่พัก แวะมานั่งรอเวลาที่ ภ สำเภา คาเฟ่ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าที่พัก เป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยวิวของภูเขาของเขื่อนเชียวหลาน ตกแต่งในแต่ละมุมได้น่ารัก และน่าถ่ายรูปมาก ทั้งป้ายชื่อสีสันสดใส บันไดสวรรค์สีขาว มีฉากหลังมองเห็นวิวภูเขา หากแวะมาเที่ยวในช่วงเช้า มีโอกาสได้เห็นสายหมอกบางลอยคลอเคลียไปตามทิวเขาด้วย
ที่นั่งภายในร้านมีทั้งโซนเอ้าดอร์ที่ตกแต่งในสไตล์แคมป์ปิ้งแบบเท่ๆ ส่วนที่นั่งภายในร้านเป็นกระจกใสแบบห้องแอร์ ที่มองเห็นวิวข้างนอก เมนูอาหารมีทั้งอาหารคาว เครื่องดื่ม อาหารคาวทเน้นอาหารใต้ท้องถิ่นเราสั่งอาหารไปทานยังที่พัก ทั้งผัดสะตอกุ้งสด แกงส้ม รสชาติอร่อยจัดจ้านมาก แนะนำค่ะสำหรับนี้
ภ สำเภา แคมปิ้ง
ได้เวลาเข้าที่พัก ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติบนเนินเขา ใกล้เขื่อนเชี่ยวหลาน สามารถมองเห็นทิวเขาที่เรียงรายของเขื่อนเชียวหลานได้อย่างสวยงาม ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก ยามเช้าชมสายหมอกได้จากหน้าห้อง ที่นี่เป็นที่พักในสไตล์แคมป์ปิ้งและลานกางเต้นท์ในราคาไม่แพง ที่พักทำเลและวิวดีที่สายรักธรรมชาติ และสายแคมป์ต้องเก็บไว้ในลิสต์
เส้นทางการเข้าไปยังที่พัก จะผ่านทางดินและหินแคบ ที่มีต้องขึ้นไปยังเนินเขา หากรถโหลดต่ำต้องขับด้วยความระมัดระวัง มาถึงจุดเช็คอินเข้าที่พักจะอยู่ติดกับ ภ.สำเภา คาเฟ่ ชื่อเหมือนกัน แต่คนละเจ้าของนะคะ จุดเช็คอินเป็นบ้านหลังเล็กสีขาว ถ้ามาแล้วไม่เจอใครให้โทรไปยังเบอร์ที่ติดไว้ข้างหน้า จากนั้นเจ้าของที่พักจะมารับให้ขับรถตามไป ที่พักจะอยู่ข้างล่าง ทางลงไปเป็นทางดินผสมหิน ทางแคบมีหวาดเสียวนิดหน่อย แต่รถทุกชนิดไปได้หมด แต่ถ้าช่วงฝนตกอาจต้องระวังอย่างมาก ที่นี่เป็นลานกางเต้นท์และมีที่พักเพียง 2 หลัง คือ บ้านไพรเวท 1 หลัง ตามภาพซึ่งเราจองแบบนี้ไว้ ส่วนอีกหลังเป็นบูติคเต้นท์ สำหรับการเข้ามายังที่พัก แนะนำให้มาในเวลา 4 โมงครึ่ง ไปแล้ว เพราะที่พักไม่ได้ติดแอร์ มีแค่พัดลม อากาศภายในห้องพักค่อนข้างอบอ้าว แต่ถ้าหลังหกโมงไปแล้ว อากาศค่อนข้างเย็น
ห้องพักราคาคืนละ 1290 บาท (พร้อมอาหารเช้า) บ้านเป็นแบบประตูกระจกสามารมองเห็นวิวภูเขาได้จากที่นอน มีระเบียงข้างนอก ทั้งที่นั่งเล่นและแปลตาข่าย ส่วนภายในห้องพักมีฟูกที่นอน ตู้เย็น ชากาแฟ ห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้านตั้งอยู่ด้านหลัง ห้องน้ำไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีบริการอาหารเย็น คือ หมูกะทะต้องสั่งล่วงหน้า 1 วัน หรือซื้อมาจากข้างนอก จากร้านคาเฟ่ ภ สำเภา ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าได้เลย
สำหรับสายแคมป์ที่ชื่นชอบการกางเต้นท์เตรียมอุปกรณ์มาเอง ยังมีลานกางเต้นท์ด้วย ค่าบริการ 150/ท่าน มีไฟฟ้าให้พ่วง พร้อมห้องน้ำรวม แยกชายหญิง
บรรยากาศยามเย็นจากหน้าห้องพัก ขมแสงเย็นส่องลงมากระทบบริเวณหน้าบ้าน วิวหน้าบ้านคือ ทิวเขาของเขื่อนเชี่ยวหลานที่มองเห็นได้กว้างไกลสุดตา ข้างล่างที่เห็นอยู่ไม่ไกล คือ สวนยางของชาวบ้าน เป็นที่พักที่มีความเงียบสงบมาก หากต้องการมาพักชมวิวสวย ที่นี่ตอบโจทย์ ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูฝนแบบเต็มๆหรือช่วงที่อากาศเริ่มหนาวจะมีความชิลมาก
ยามเช้า คือ ช่วงเวลาไฮไลท์ ตื่นแต่เช้าเพื่อชมทะเลหมอก เช้านี้ทะเลหมอกอาจจะน้อยไปสักนิด เนื่องจากมีพายุเข้าลมจะแรงพัดหมอกผ่านไป แต่ยังพอมีหมอกค่อยๆลอยผ่านภูเขามาให้เห็นแบบชื่นใจบ้าง
นั่งนิ่งจิบกาแฟมองวิวกันต่อไป อุปกรณ์ดริปกาแฟเราเตรียมเอง เป็นความเงียบสงบและความสวยงามที่สัมผัสได้ในเช้าวันนี้ อาหารเช้าที่พักมาเสิร์ฟแต่เช้า ประมาณ 7 โมงกว่า ซึ่งเวลาทานอาหารสามารถเลือกได้ว่าจะทานกี่โมง ตั้งแต่ 7-9 โมง อาหารเป็นชุดอเมริกันเบรคฟาสต์ ไข่กระทะ น้ำส้ม และนม
ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง ที่พักที่ยกให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของการมาเที่ยวสุราษฎร์ธานี ผ่านมาแถวเขื่อนเชี่ยวหลาน แวะมาพักสักคืน สำหรับสายธรรมชาติ ที่ชอบดื่มด่ำชื่นชมกับวิวสวยได้จากหน้าบ้าน ปักหมุดไว้ได้เลยค่ะ
ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง
ที่อยู่: พะแสง 2 อำเภอบ้านตาขุน สุราษฎร์ธานี 84230
โทร : 095 410 1309 , 085 888 1957
Facebook : porsampaocamping
วันที่ 2 โซนเขาสก
ถนน 401
จากโซนท่องเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ใช้เวลาเดินทางมายังโซนเขาสก ประมาณ 40 นาที หากเริ่มเห็นภาพภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าสู่ ถนนสาย 401 เส้นทางสุราษฎร์-ตะกั่วป่า เส้นทางไปเขาสก เป็นอีกหนึ่งเส้นทางถนนสวยๆที่จะเห็นวิวของภูเขาหินปูนสูงใหญ่ และผืนป่าที่เจียวขจีตลอดสองข้างทาง ระหว่างทางจะมีจุดจอดรถถ่ายภาพที่ค่อนข้างสะดวก ที่บ้านช่องลม มีชิงช้าให้นั่งเล่นมองเห็นวิวของภูเขาหินปูนได้แบบใกล้ชิด
KYOJIN Cafe
ก่อนเข้าที่พัก แวะเที่ยวคาเฟ่กันหน่อย โซนเขาสกมีคาเฟ่สวยไม่เยอะค่ะ ประมาณ 4 ร้าน เราแวะมาที่ “KYOJIN beans and spirits” (เคียวจิน คาเฟ่ ) คาเฟ่เปิดใหม่สไตล์ญี่ญี่ปุ่น ใครขับผ่านถนนเส้นเขาสกต้องสะดุดตากับร้านนี้ ร้านตกแต่งสไตล์มินิมอล คลุมโทนขาวน้ำตาล แบบเรียบง่ายสไตล์ zen ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวของขุนเขาสีเขียวขจี ตัวร้านสีขาวทรงสี่เหลียม มีช่องแสงสี่เหลี่ยมให้แสงลอดผ่าน ตัดกับวิวของท้องฟ้าและภูเขาสีเขียวที่เป็นฉากหลัง
ภายในร้านกว้างขวางเป็นแบบห้องแอร์ ตกแต่งเน้นโทนสีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์ให้ฟีลแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ทั้งฉากกั้นประตี่สามารถเปิดเลือกได้ โต๊ะและเบาะนั่งในสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงมุมเก้าอี้ต่างๆ ตกแต่งคลุมโทนได้ลงตัวมาก
เมนูอาหารมีเฉพาะเครื่องดื่มและขนม อย่างเช่น ครัวซองท์แบบต่างๆ รวมถึงครอฟเฟิล ถึงแม้จะเป็นเมนูของหวานยืนพื้นที่เราจะได้เห็นกันอยู่บ่อยๆในเกือบทุกคาเฟ่ แต่ถ้าได้ลองทานของร้านนี้รับรองว่าจะติดใจ อร่อยฟินมากค่ะ ขนาดทานขนมจากร้านอื่นมาก่อนแล้วท้องยังอิ่ม แต่พอเจอครอฟเฟิลร้านนี้ไป คือ สามารถทานได้อีก เนื้อแป้งนุ่มนวบหอมเนยมากๆ ทานคู่กับกาแฟส้มแท้ๆ คือ ลงตัว
นอกจากที่นั่งแบบอินดอร์ ยังจัดที่นั่งในมุมเอาท์ดอร์ แบบญี่ปุ่น ทั้งที่นั่งริมบ่อปลาคราฟ ที่นั่งริมหน้าต่างกระจก และยังมีมุมถ่ายรูปริมช่องกำแพงสุดชิค
ขึ้นไปชั้นบนยังมีระเบียงชมวิวบนชั้นดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวของถนนและภูเขาหินปูน ผืนป่าของเขาสก ได้แบบกว้างมาก มีแปลตาข่ายด้วย แต่น่าจะเหมาะสำหรับมานั่งชมวิวในช่วงเย็นหรือแดดร่มมากกว่า KYOJIN เคียวจิน คาเฟ่เขาสกที่ตกแต่งแหวกแนวออกมากจากคาเฟ่อื่นๆในย่านนี้แถมเครื่องดื่มขนมยังรสชาติอร่อยอีกด้วย ผ่านมาเส้นเขาสกปักหมุดไว้ได้เลย
KYOJIN beans and spirits
ที่อยู่ : ตำบล คลองศก อำเภอพนม สุราษฎร์ธานี 84250
โทร 062 427 5411
เปิดทุกวัน 09.00-20.00 น.
Facebook : KYOJINbeansandspirits/
Bridge hill café
เวลาบ่ายสอง เข้าที่พัก Bridge hill café คาเฟ่และที่พักที่ตั้งอยู่ระหว่างไปเขาสก รายล้อมด้วยวิวของภูเขาหินปูนที่สวยงาม มาพร้อมมุม outdoor ให้สูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งชมวิวถ่ายภาพ ทั้งเปลตาข่ายสุดฮิต แชะภาพบันไดสวรรค์สีขาวที่มีฉากหลังเป็นวิวเขา ในส่วนของที่พักมีทั้งหมด 5 หลัง ทั้งในรูปแบบบ้านพร้อมอ่างอาบน้ำ และที่พักในสไตล์บูติคเต้นท์ ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมวิวหน้าที่พักยังมองเห็นวิวของหินปูนและต้นไม้เขียวขจี และสายหมอกในยามเช้า ที่เราจะได้ฟังเสียงนกร้อง สูดอากาศบริสุทธิ์ของเขาสกได้แบบเต็มปอด
พิกัดร้านตั้งอยู่ริมถนนสาย 401 มองเห็นวิวของภูเขาหินปูนสูงใหญ่และผืนป่าที่เขียวขจีตลอดเส้นทาง ตัวร้านสีดำยกสูงเป็นแบบกระจกใส ท่ามกลางภูเขาหินปูน มีทางเดินทอดยาวไปจนถึงตัวร้าน มีทั้งที่นั่งแบบห้องแอร์ ที่สามารถมองเห็นวิวที่อยู่ข้างนอก
ส่วนมุมเอาท์ดอร์มีมากมาย จัดเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งที่นั่งแปลตาข่าย บันไดสวรรค์สีขาว ซุ้มประตูดอกไม้ เก้าอี้นั่ง ถ่ายรูปตรงไหนก็ปัง
นอกจากคาเฟ่ที่ให้บริการในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม ยังมีที่พักที่ตั้งอยู่ข้างหลัง จำนวน 5 หลัง โดย 2 หลัง คือ ที่พักแบบบ้านพร้อมอ่างอาบน้ำ ราคา 2,990 บาท พร้อมอาหารเช้า (พักได้ 2 ท่าน)
ส่วนอีกสามหลัง คือ ที่พักในสไตล์บูติคเต้นท์ ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้แบบแนบชิด ทุกหลังมีแปลตาข่าย รวมถึงชุดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชมวิวภูเขา ต้นไม้ และสะพาน ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล ราคา 2490 บาท พร้อมอาหารเช้า (พักได้ 2 ท่าน) ซึ่งเราเลือกพักแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถมองเห็นวิวเขาได้แบบไม่มีอะไรบัง อยู่แนบชิดติดผืนป่าต้นไม้ และภูเขากันไปเลย
ภายในเต้นท์ค่อนข้างสะดวกสบาย มีที่นอน แอร์ พัดลม ตู้เย็น ส่วนห้องน้ำอยู่แยกออกไปจากเต็นท์ ห้องน้ำกว้างและมีเครื่องทำน้ำอุ่น พักได้แบบสะดวกและนอนหลับสบายมาก อากาศดีสุด
ช่วงเย็นสั่งอาหารจากคาเฟ่มาทานได้ มาเสิร์ฟให้ถึงห้องพัก เครื่องดื่มและอาหารที่นี่ถือว่ารสชาติดีค่ะ และพนักงานบริการดีน่ารักมาก
ตอนเช้าตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นมาก หากวันไหนฝนตกยังมีโอกาสได้เห็นสายหมอกลอยผ่านไปมา อีกด้วยช่วยเพิ่มความสดชื่นยิ่งขึ้นไปอีก หรือเดินเล่นบริเวณคาเฟ่ มองวิวภูเขาและสะพาน ที่มีสายหมอกลอยผ่านมาเป็นระยะ
นั่งมองสายหมอกฟังเสียงธรรมชาติ ทานอาหารเช้า เป็นที่พักที่รู้สึกว่าอยากอยู่นานๆช่วยฮีลใจได้เป็นอย่างมาก ถ้ามาเที่ยวเขาสกและอยากหาที่พักวิวสวย เติมสดชื่น ได้พักผ่อนแบบเต็มที่ Bridge hill café คือ ที่พักอีกแห่งหนึ่งในย่านเขาสกที่มาแล้วรับรองว่าต้องประทับกลับไปแน่นอน
Bridge hill café
ที่อยู่ : 159/1 ม 4 ต คลองศก อ พนม จ สุราษฎร์ธานี
คาเฟ่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 – 19:00 น.
โทร 062 228 9689
เฟสบุค : bridgehiicafe
ตาขุนเมาท์เท่นวิว
ช่วงบ่ายย้อนกลับมาพักที่บ้านตาขุน ในโซนเขื่อนเชี่ยวหลาน เพราะตั้งใจว่าจะมาเที่ยวอุทยานธรรมเขานาในหลวง ในช่วงเช้า จึงหาที่พักที่อยู่ใกล้กับเขานาในหลวงที่สุด เพราะต้องออกจากที่พักตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อให้ทันแสงเช้า ถ้าเดินทางแบบใช้เวลาน้อยที่สุด แนะนำพักที่ ตาขุนเมาท์เท่นวิว ที่พักโอเค ราคาไม่แพง ใช้เวลาประมาณ 25 นาที บรรยากาศของที่พักบริเวณลานจอดรถด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าห้องพักมีความเงียบเหมือนจะน่ากลัว แต่ไม่มีอะไรค่ะ พักได้แบบสบายใจ ภายในห้องพักสะอาดและกว้างงมาก ราคาคืนละ 800 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกครบ สามารถจองห้องพักโดยตรงกับทางที่พัก หรือจองผ่านอโกด้าคลิ๊ก จองที่พักตาขุนเมาท์เท่นวิว
วันที่ 4
อุทยานธรรมเขานาในหลวง
ตีห้าครึ่ง คือ เวลาที่เราขับรถออกมาจากมาจากที่พัก เส้นทางไปเขานาในเป็นเส้นทางราดยางปกติ จะผ่านหมู่บ้านของชาวบ้าน และสวนของชาวบ้าน จากที่พักใช้เวลา 25 นาที ก็มาถึงบริเวณซุ้มประตู ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ ประมาณ 6 โมงกว่า เริ่มเห็นแสงอาทิตย์แล้ว ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมาก
6 โมง ครึ่ง แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องมายังซุ้มประตู ลงมากระทบกับพื้นหินที่อยู่ข้างล่าง เป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก บรรยากาศเหมือนภาพวาด
อีกมุมหนึ่งที่นิยมมาถ่ายภาพ คือ สะพานหินข้ามสระหน้าที่ตั้งอยู่หน้าเจดีย์
หลังจากที่ถ่ายภาพบริเวณซุ้มประตูแล้ว นักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นไปยังเจดีย์ต่างๆที่อยู่บนเนินเขาสูง ในภาพ เจดีย์สีทอง คือ เจดีย์ ที่ 1 ซึ่งถือว่าสูงน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันรู้สึกว่าเส้นทางขึ้นจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่เลยไม่ค่อยมีใครขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่ เจดีย์ ที่ 2 คือ เจดีย์พุทธศิลาวดี ที่สร้างด้วยศิลาแลง และเจดีย์ที่สาม สีขาว เจดีย์ 2-3 มีทางเชื่อมเดินถึงกันได้ ต่อมา คือ เจดีย์ที่ 4 และ 5 ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีก เดินขึ้นต้องใช้พลังกันพอสมควร แนะนำสำหรับใครที่อยากเห็นวิวสวยๆ และวิวของเจดีย์แบบครบทั้งหมด ให้ขึ้นเจดีย์ที่ 4 และต่อด้วย 5 จะมีทางเชื่อมถึงกัน ส่วนเราด้วยระยะเวลามีจำกัดต้องรีบไปยังจุดหมายอื่นต่อ ไม่ได้ขึ้นไปสักเจดีย์ ตั้งใจว่าครั้งหน้าจะขึ้นให้ได้ แต่ถึงแม้ไม่ได้ขึ้นไปแค่ได้ถ่ายภาพในมุมไฮไลท์ คือ ซุ้มประตูซุ้มประตูพุทธวดี 9 ก็เต็มอิ่มกับสวยงามของที่นี่แล้วค่ะ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
ก่อนกลับแวะไปที่ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตของสุราษฎร์ธานี เป็นสระน้ำขนาดย่อมสีฟ้าสวยใสราวกระจกกลางป่าใหญ่ พื้นที่ป่าต้นน้ำยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำผุดที่มีขนาดกว้างใหญ่ น้ำใสสะอาดจนสามารถมองเห็นพื้นทรายด้านล่างได้อย่างชัดเจน บรรยากาศโดยรอบเขียวขจีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ มีทางเดินหินทอดยาวผ่านบ่อน้ำ สำหรับนั่งแช่เท้า เล่นน้ำถ่ายภาพสวยๆได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพายเรือหรือนั่งเรือตามลำคลองชมธรรมชาติของป่าพุที่สวยงามแปลกตา ชมฝูงปลา อีกด้วย
เส้นทางมาเที่ยวป่าต้นน้ำบ้านราดน้ำเป็นเส้นทางราดยางที่สะดวก รถทุกชนิดสามารถเข้าถึงได้ มาถึงแล้วมีลานจอดรถด้านหน้าชำระค่าบริการจอดรถคันละ 20 บาท ก่อนเข้าไปชำระค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ถ้าจะพายเรือด้วยจ่ายเพิ่มอีก 40 บาท รวม 70 บาท ส่วนเรือให้พายชมถ้าใครไม่อยากพายเอง มีเจ้าหน้าที่พายให้ มีค่าบริการเพิ่มอีก 50 บาท
***กฎข้อปฎิบัติของการเข้าไปยังป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
จะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวนำกระเป๋าใดๆเข้าไปข้างใน หากมีสิ่งของใดๆที่จะต้องนำเข้าไป เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ ให้ถือด้วยมือเท่านั้น แต่มีข้อยกเว้นสำหรับกระเป๋าใส่กล้องถ่ายรูปที่มีช่องใส่เลนส์ และอุปกรณ์ถ่ายภาพอื่นๆ กระเป๋าใส่โดรน สามารถนำเข้าไปได้ แต่ก่อนเข้าไปเจ้าหน้าที่จะตรวจแบบละเอียด ห้ามมีสิ่งของอื่นนอกจากอุปกรณ์ถ่ายภาพในกระเป๋าเท่านั้น ส่วนอาหาร เครื่องดื่มห้ามนำเข้าไป ซึ่งเหตุผลที่ต้องมีกฎขึ้นมา เพราะจะได้รักษาความสะอาดให้ป่าต้นน้ำยังคงสมบูรณ์อยู่กับเราไปได้นานๆ ควรปฎิบัติตามกฎ หรือถ้าใครไม่อยากถือเข้าไปก็ไว้ในรถส่วนตัวหรือเช่าล๊อกเอร์ใกล้บริเวณทางเข้าราคา 30 บาท
จากจุดชำระเงินเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะถึงพื้นที่ของป่าต้นน้ำที่เป็นบ่อน้ำผุดขนาดใหญ่ เห็นครั้งแรกตะลึงมากสวยกว่าในภาพที่เคยเห็นในรีวิว น้ำใสจนมองเห็นผืนทรายสีขาวข้างล่าง บวกกับธรรมชาติของป่าไม้ที่รายล้อมรอบสระ มองแล้วยังคงเป็นป่าที่มีความบริสุทธิ์มาก ต่างจากการเที่ยวบ่อน้ำผุดในที่อื่นๆ ที่ความเป็นธรรมชาติหายไปเยอะ แนะนำหากไม่อยากเจอคนเยอะให้มาเที่ยวในวันธรรมดาและให้แต่เช้าตั้งแต่เปิดให้เข้าชม คือ 8 โมง แต่ขนาดว่าเรามาแต่เช้าก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาตลอด ***คำแนะนำเพิ่มเติ่ม เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าหากอยากเข้ามาชมก่อนเวลาเปิด ให้มาค้างโฮมสเตย์ของชาวบ้านในกลุ่มต้นน้ำ ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง จะสามารถเข้ามาได้ตั้งแต่ 6 โมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคนจริงๆ เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพที่ต้องการเก็บภาพแบบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเฟรม
น้ำในสระน้ำมีสีฟ้ามรกตใสราวกับกระจก เป็นบ่อน้ำจืดที่มีตาน้ำเป็นหัวใจหลัก พื้นบ่อเป็นทรายตะกอนหินปูนทำให้น้ำใสตลอด มีทางเดินหินวงกลมตัดผ่านตรงกลาง และจุดนั่งเล่นน้ำริมของสระใต้ร่มเงาของต้นไม้หลายจุด บ่อน้ำไม่ลึกมากสามารถนั่งจุ่มเท้า หรือลงไปนั่งแช่นอนแช่ตัวได้สบาย แถมน้ำยังเย็นสบายตัวผ่อนคลาย
หลังจากเพลิดเพลิน เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันแล้ว มานั่งเรือชมป่าพรุ ระยะทางไปกลับรวม 3 กิโลเมตร เป็นระยะทางสั้น โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะพายเอง หรือให้เจ้าหน้าที่พายให้หากให้เจ้าหน้าที่พายก็จะเสียค่าบริการเพิ่มตรงจุดพายเรืออีก 50 บาท สำหรับเราให้เจ้าหน้าที่พายให้เพราะพายเรือไม่เป็น บริเวณนี้จะไม่อนุญาตให้เล่นน้ำ
สระน้ำข้างนอกว่าว้าวแล้ว มาเจอภาพของป่าพรุข้างในยิ่งว้าวเพิ่ม แนะนำมาก สำหรับใครมาเที่ยวป่าต้นน้ำห้ามพลาดด้วยประการทั้งปง ต้องมานั่งเรือชมธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของลำคลองแห่งนี้ บรรยากาศมีความเป็น little amazon มาก สวยงามแปลกตาด้วยต้นไม้ รากไม้ ที่ตกกระทบลงบนผืนน้ำกลายเป็นเงาที่สวยงาม รวมทั้งพืชน้ำต่างๆ น้ำในลำคลองใสเช่นกัน แต่จะมีตะไคร้น้ำสีเขียวค่อนข้างเยอะ รวมถึงฝูงปลาที่แหวกว่าย มีให้เห็นตลอดทาง
ระหว่างที่นั่งเรือชมผืนป่าสองข้างทาง ได้ยินเสียงนกร้องขับกล่อมตลอด เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและรูปทรงของต้นไม้มา บรรยากาศจริงๆสวยกว่าในภาพถ่ายมากๆ น้ำตรงบริเวณนี้ไม่ลึกมากค่ะ ประมาณแค่เลยเข่ามาเล็กน้อย หลังจากเจ้าหน้าที่พายไปจนถึงจุดหมายก็พายกลับมายังเส้นทางเดิม เป็นการเที่ยวแบบธรรมชาติที่สร้างความสุขให้กับหัวใจมาก ทั้งความสวยใสของน้ำผุด ต้นไม้ที่รายล้อมรอบด้าน ตั้งแต่มาเที่ยวสถานที่ในฟีลแบบนี้ ยกให้ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด มีความสวยงามแบบธรรมชาติสร้างสรรค์จริงๆ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
ที่อยู่ : ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
สอบถามรายละเอียดหรือจองบ้านพักของชุมชนในกลุ่ม โทร 065 698 5176 หรือ 084 220 8745
ค่าบริการ
ค่าจอดรถคันละ 20 บาท
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็ก 15 บาท (รวมค่าห้องน้ำแล้ว)
พายเรือเพิ่มอีก 40 บาท ใครไม่อยากพายเอง มีเจ้าหน้าที่พายให้ มีค่าบริการเพิ่ม 50 บาท
ที่พักเขาสกเพิ่มเติม คลิ๊ก 15 ที่พักเขาสก หยอกหมอก กอดภูเขา
ที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลาน คลิ๊ก 12 ที่พักเขื่อนเชี่ยวหลาน นอนแพ ชมวิวภูเขา