เที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก 4 วัน 3 คืน
มาเที่ยวสุราษฎร์ธานี โซนท่องเที่ยวใกล้ เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก ยังคงเป็นโซนยอดฮิต ที่ต้องใส่ไว้ในเพลนท่องเที่ยว เพราะเส้นทางนี้มีจุดท่องเที่ยวหลายจุด มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งวิวภูเขาหินปูนที่สวยงาม สายหมอกบางในยามเช้า สถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางที่ควรค่าแก่การแวะ สำหรับเพลนท่องเที่ยวจะไม่เน้นนอนแพในเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือในอุทยานเขาสก แต่จะเน้นท่องเที่ยวและพักผ่อนยังจุดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เขื่อนเชี่ยวหลานและอุทยานเขาสก ที่โดดเด่นไม่แพ้กันจัดมาให้ครบ ทั้งที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ที่ควรแวะ 4 วัน 3 คืน เต็มอิ่มกันไปเลย
วันแรก โซนเขื่อนเชี่ยวหลาน
เริ่มต้นการเดินทางไปยังโซนเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ตั้งอยู่ในอำเภอตาขุน นอกจากเขื่อนเชี่ยวหลานที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเข้าไปในเขื่อนเพื่อนอนในแพกันแล้ว ยังมีที่พักที่อยู่รอบทางไปเขื่อนที่น่าพักผ่อน วิวสวยแบบปังๆ อยู่หนึ่งแห่งนั้นคือ ภ สำเภาแคมปิ้ง ซึ่งเป็นจุดหมายที่ตั้งใจแวะมาเพราะอยากมาพักที่นี่ ก่อนเข้าที่พัก แวะไปเที่ยวยัง สะพานบ้านตาขุน หรือสะพานแขวนรูปหัวที่อยู่ไม่ไกลกัน
สำหรับการเดินทางปักหมุดมาที่สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ มาถึงแล้วให้มาจอดรถบริเวณ วัดเขาพัง โดยมีค่าบริการจดรถคันละ 20 บาท เดินมานิดเดียวจะถึงสะพาน บริเวณด้านหน้ามีร้านอาหาร ชื่อว่า ร้านอาหารเคียงคลอง บรรยากาศดีอยู่ติดริมน้ำ หากใครหิวแวะฝากท้องที่ร้านนี้ได้ อาหารเน้นเป็นเมนูอาหารใต้แบบท้องถิ่น
สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ อีกหนึ่งจุดเช็คอินห้ามพลาดหากมาเที่ยวในเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นสะพานแขวน ระยะทางยาว 120 เมตร ทอดตัวข้ามลำธารกับป่าไม้ที่เขียวขจี บรรยากาศทิวทัศน์ความเป็นธรรมชาติโดยรอบมีความงดงาม และมีความสวยแปลกตาของเขาเทพพิทักษ์ ภูเขาสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่ด้านหลังสะพาน มีรูปร่างคล้ายกันกับรูปหัวใจ จึงเป็นที่ของชื่อ ภูเขารูปหัวใจ
ระหว่างทางเดินจะได้เห็นทัศนียภาพของภูเขาและป่าไม้เขียวขจี ซึ่งภูเขาที่โดดเด่น คือ ภูเขารูปหัวใจที่สามารถมองเห็นได้จากสะพาน
ลำธารที่ไหลผ่าน คือ น้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเชี่ยวหลาน สังเกตว่าน้ำจะมีสีเขียวเหมือนกับสีน้ำในเขื่อน ระดับปริมาณของน้ำในลำธารจะมากน้อย ขึ้นอยู่กับเวลาปล่อยน้ำจากเขื่อนซึ่งจะมาเป็นรอบค่ะ ถ้ามาช่วงเช้าเขื่อนยังไม่ได้ปล่อยน้ำ คลองจะแห้งจนมองเห็นโขดหินที่อยู่ข้างล่าง ให้ภาพที่สวยไปอีกแบบ ส่วนช่วงเที่ยงเขื่อนเริ่มปล่อยน้ำออกมา น้ำจะเต็มแบบในภาพ เป็นช่วงเวลาที่นิยมมาล่องแพกันบริเวณนี้ ซึ่งหากใครอยากพักค้างคืน ยังมีที่พักของคนในพื้นที่ให้บริการพักผ่อน และมีบริการล่องแพด้วย
บริเวณทางเดินด้านล่างยังมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน และมองเห็นวิวของสะพานและภูเขาที่ขนานคู่กันได้แบบเต็มๆ สะพานแขวนเขาพัง เป็นสถานที่ที่มีความเป็นธรรมชาติของป่าเขา และลำธาร ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก
ภ สำเภา คาเฟ่
ก่อนเช็คอินเข้าที่พัก แวะมานั่งรอเวลาที่ ภ สำเภา คาเฟ่ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าที่พัก เป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยวิวของภูเขาของเขื่อนเชียวหลาน ตกแต่งในแต่ละมุมได้น่ารัก และน่าถ่ายรูปมาก ทั้งป้ายชื่อสีสันสดใส บันไดสวรรค์สีขาว มีฉากหลังมองเห็นวิวภูเขา หากแวะมาเที่ยวในช่วงเช้า มีโอกาสได้เห็นสายหมอกบางลอยคลอเคลียไปตามทิวเขาด้วย
ที่นั่งภายในร้านมีทั้งโซนเอ้าดอร์ที่ตกแต่งในสไตล์แคมป์ปิ้งแบบเท่ๆ ส่วนที่นั่งภายในร้านเป็นกระจกใสแบบห้องแอร์ ที่มองเห็นวิวข้างนอก เมนูอาหารมีทั้งอาหารคาว เครื่องดื่ม อาหารคาวทเน้นอาหารใต้ท้องถิ่นเราสั่งอาหารไปทานยังที่พัก ทั้งผัดสะตอกุ้งสด แกงส้ม รสชาติอร่อยจัดจ้านมาก แนะนำค่ะสำหรับนี้
ภ สำเภา แคมปิ้ง
ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติบนเนินเขา ใกล้เขื่อนรัชชประภา หรือ เขี่ยนเชี่ยวหลาน สามารถมองเห็นทิวเขาที่เรียงรายของเขื่อนเชียวหลานได้อย่างสวยงาม ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก ยามเช้าชมสายหมอกได้จากหน้าห้อง ที่นี่เป็นที่พักในสไตล์แคมป์ปิ้งและลานกางเต้นท์ในราคาไม่แพง สำหรับใครที่มาเข้าไปเที่ยวในเขื่อนเชี่ยวหลาน หลังจากเที่ยวหรือพักในเขื่อนแล้ว ต้องการหาที่พักสักหนึ่งคืน หรือไม่พักในเขื่อนอยากพักในอำเภอตาขุนแล้วเที่ยวต่อยังจุดต่างๆ ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง คือ ที่พักทำเลและวิวดีที่สายรักธรรมชาติ และสายแคมป์ต้องเก็บไว้ในลิสต์
อ่านรีวิวเต็มที่ ภ.สำเภา แคมป์ปิ้ง ที่พักใกล้เขื่อนเชี่ยวหลาน ชมวิวเขา ดูหมอก
วันที่ 2 โซนเขาสก
ถนน 401
จากโซนท่องเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ใช้เวลาเดินทางมายังโซนเขาสก ประมาณ 40 นาที หากเริ่มเห็นภาพภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าสู่ ถนนสาย 401 เส้นทางสุราษฎร์-ตะกั่วป่า เส้นทางไปเขาสก เป็นอีกหนึ่งเส้นทางถนนสวยๆที่จะเห็นวิวของภูเขาหินปูนสูงใหญ่ และผืนป่าที่เจียวขจีตลอดสองข้างทาง ระหว่างทางจะมีจุดจอดรถถ่ายภาพที่ค่อนข้างสะดวก ที่บ้านช่องลม มีชิงช้าให้นั่งเล่นมองเห็นวิวของภูเขาหินปูนได้แบบใกล้ชิด
KYOJIN Cafe
ก่อนเข้าที่พัก แวะเที่ยวคาเฟ่กันหน่อย โซนเขาสกมีคาเฟ่สวยไม่เยอะค่ะ ประมาณ 4 ร้าน เราแวะมาที่ “KYOJIN beans and spirits” (เคียวจิน คาเฟ่ ) คาเฟ่เปิดใหม่สไตล์ญี่ญี่ปุ่น ใครขับผ่านถนนเส้นเขาสกต้องสะดุดตากับร้านนี้ ร้านตกแต่งสไตล์มินิมอล คลุมโทนขาวน้ำตาล แบบเรียบง่ายสไตล์ zen ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวของขุนเขาสีเขียวขจี ตัวร้านสีขาวทรงสี่เหลียม มีช่องแสงสี่เหลี่ยมให้แสงลอดผ่าน ตัดกับวิวของท้องฟ้าและภูเขาสีเขียวที่เป็นฉากหลัง
ภายในร้านกว้างขวางเป็นแบบห้องแอร์ ตกแต่งเน้นโทนสีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์ให้ฟีลแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ทั้งฉากกั้นประตี่สามารถเปิดเลือกได้ โต๊ะและเบาะนั่งในสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงมุมเก้าอี้ต่างๆ ตกแต่งคลุมโทนได้ลงตัวมาก
เมนูอาหารมีเฉพาะเครื่องดื่มและขนม อย่างเช่น ครัวซองท์แบบต่างๆ รวมถึงครอฟเฟิล ถึงแม้จะเป็นเมนูของหวานยืนพื้นที่เราจะได้เห็นกันอยู่บ่อยๆในเกือบทุกคาเฟ่ แต่ถ้าได้ลองทานของร้านนี้รับรองว่าจะติดใจ อร่อยฟินมากค่ะ ขนาดทานขนมจากร้านอื่นมาก่อนแล้วท้องยังอิ่ม แต่พอเจอครอฟเฟิลร้านนี้ไป คือ สามารถทานได้อีก เนื้อแป้งนุ่มนวบหอมเนยมากๆ ทานคู่กับกาแฟส้มแท้ๆ คือ ลงตัว
นอกจากที่นั่งแบบอินดอร์ ยังจัดที่นั่งในมุมเอาท์ดอร์ แบบญี่ปุ่น ทั้งที่นั่งริมบ่อปลาคราฟ ที่นั่งริมหน้าต่างกระจก และยังมีมุมถ่ายรูปริมช่องกำแพงสุดชิค
ขึ้นไปชั้นบนยังมีระเบียงชมวิวบนชั้นดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวของถนนและภูเขาหินปูน ผืนป่าของเขาสก ได้แบบกว้างมาก มีแปลตาข่ายด้วย แต่น่าจะเหมาะสำหรับมานั่งชมวิวในช่วงเย็นหรือแดดร่มมากกว่า KYOJIN เคียวจิน คาเฟ่เขาสกที่ตกแต่งแหวกแนวออกมากจากคาเฟ่อื่นๆในย่านนี้แถมเครื่องดื่มขนมยังรสชาติอร่อยอีกด้วย ผ่านมาเส้นเขาสกปักหมุดไว้ได้เลย
KYOJIN beans and spirits
ที่อยู่ : ตำบล คลองศก อำเภอพนม สุราษฎร์ธานี 84250
โทร 062 427 5411
เปิดทุกวัน 09.00-20.00 น.
Facebook : KYOJINbeansandspirits/
Bridge hill café
เวลาบ่ายสอง เข้าที่พัก Bridge hill café คาเฟ่และที่พักที่ตั้งอยู่ระหว่างไปเขาสก รายล้อมด้วยวิวของภูเขาหินปูนที่สวยงาม มาพร้อมมุม outdoor ให้สูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งชมวิวถ่ายภาพ ทั้งเปลตาข่ายสุดฮิต แชะภาพบันไดสวรรค์สีขาวที่มีฉากหลังเป็นวิวเขา ในส่วนของที่พักมีทั้งหมด 5 หลัง ทั้งในรูปแบบบ้านพร้อมอ่างอาบน้ำ และที่พักในสไตล์บูติคเต้นท์ ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมวิวหน้าที่พักยังมองเห็นวิวของหินปูนและต้นไม้เขียวขจี และสายหมอกในยามเช้า ที่เราจะได้ฟังเสียงนกร้อง สูดอากาศบริสุทธิ์ของเขาสกได้แบบเต็มปอด
พิกัดร้านตั้งอยู่ริมถนนสาย 401 มองเห็นวิวของภูเขาหินปูนสูงใหญ่และผืนป่าที่เขียวขจีตลอดเส้นทาง ตัวร้านสีดำยกสูงเป็นแบบกระจกใส ท่ามกลางภูเขาหินปูน มีทางเดินทอดยาวไปจนถึงตัวร้าน มีทั้งที่นั่งแบบห้องแอร์ ที่สามารถมองเห็นวิวที่อยู่ข้างนอก
ส่วนมุมเอาท์ดอร์มีมากมาย จัดเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งที่นั่งแปลตาข่าย บันไดสวรรค์สีขาว ซุ้มประตูดอกไม้ เก้าอี้นั่ง ถ่ายรูปตรงไหนก็ปัง
นอกจากคาเฟ่ที่ให้บริการในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม ยังมีที่พักที่ตั้งอยู่ข้างหลัง จำนวน 5 หลัง โดย 2 หลัง คือ ที่พักแบบบ้านพร้อมอ่างอาบน้ำ ราคา 2,990 บาท พร้อมอาหารเช้า (พักได้ 2 ท่าน)
ส่วนอีกสามหลัง คือ ที่พักในสไตล์บูติคเต้นท์ ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้แบบแนบชิด ทุกหลังมีแปลตาข่าย รวมถึงชุดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชมวิวภูเขา ต้นไม้ และสะพาน ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล ราคา 2490 บาท พร้อมอาหารเช้า (พักได้ 2 ท่าน) ซึ่งเราเลือกพักแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถมองเห็นวิวเขาได้แบบไม่มีอะไรบัง อยู่แนบชิดติดผืนป่าต้นไม้ และภูเขากันไปเลย
ภายในเต้นท์ค่อนข้างสะดวกสบาย มีที่นอน แอร์ พัดลม ตู้เย็น ส่วนห้องน้ำอยู่แยกออกไปจากเต็นท์ ห้องน้ำกว้างและมีเครื่องทำน้ำอุ่น พักได้แบบสะดวกและนอนหลับสบายมาก อากาศดีสุด
ช่วงเย็นสั่งอาหารจากคาเฟ่มาทานได้ มาเสิร์ฟให้ถึงห้องพัก เครื่องดื่มและอาหารที่นี่ถือว่ารสชาติดีค่ะ และพนักงานบริการดีน่ารักมาก
ตอนเช้าตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นมาก หากวันไหนฝนตกยังมีโอกาสได้เห็นสายหมอกลอยผ่านไปมา อีกด้วยช่วยเพิ่มความสดชื่นยิ่งขึ้นไปอีก หรือเดินเล่นบริเวณคาเฟ่ มองวิวภูเขาและสะพาน ที่มีสายหมอกลอยผ่านมาเป็นระยะ
นั่งมองสายหมอกฟังเสียงธรรมชาติ ทานอาหารเช้า เป็นที่พักที่รู้สึกว่าอยากอยู่นานๆช่วยฮีลใจได้เป็นอย่างมาก ถ้ามาเที่ยวเขาสกและอยากหาที่พักวิวสวย เติมสดชื่น ได้พักผ่อนแบบเต็มที่ Bridge hill café คือ ที่พักอีกแห่งหนึ่งในย่านเขาสกที่มาแล้วรับรองว่าต้องประทับกลับไปแน่นอน
Bridge hill café
ที่อยู่ : 159/1 ม 4 ต คลองศก อ พนม จ สุราษฎร์ธานี
คาเฟ่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 – 19:00 น.
โทร 062 228 9689
เฟสบุค : bridgehiicafe
ตาขุนเมาท์เท่นวิว
ช่วงบ่ายย้อนกลับมาพักที่บ้านตาขุน ในโซนเขื่อนเชี่ยวหลาน เพราะตั้งใจว่าจะมาเที่ยวอุทยานธรรมเขานาในหลวง ในช่วงเช้า จึงหาที่พักที่อยู่ใกล้กับเขานาในหลวงที่สุด เพราะต้องออกจากที่พักตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อให้ทันแสงเช้า ถ้าเดินทางแบบใช้เวลาน้อยที่สุด แนะนำพักที่ ตาขุนเมาท์เท่นวิว ที่พักโอเค ราคาไม่แพง ใช้เวลาประมาณ 25 นาที บรรยากาศของที่พักบริเวณลานจอดรถด้านหลังซึ่งเป็นทางเข้าห้องพักมีความเงียบเหมือนจะน่ากลัว แต่ไม่มีอะไรค่ะ พักได้แบบสบายใจ ภายในห้องพักสะอาดและกว้างงมาก ราคาคืนละ 800 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกครบ สามารถจองห้องพักโดยตรงกับทางที่พัก หรือจองผ่านอโกด้าคลิ๊ก จองที่พักตาขุนเมาท์เท่นวิว
วันที่ 4
อุทยานธรรมเขานาในหลวง
ตีห้าครึ่ง คือ เวลาที่เราขับรถออกมาจากมาจากที่พัก เส้นทางไปเขานาในเป็นเส้นทางราดยางปกติ จะผ่านหมู่บ้านของชาวบ้าน และสวนของชาวบ้าน จากที่พักใช้เวลา 25 นาที ก็มาถึงบริเวณซุ้มประตู ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ ประมาณ 6 โมงกว่า เริ่มเห็นแสงอาทิตย์แล้ว ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมาก
6 โมง ครึ่ง แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องมายังซุ้มประตู ลงมากระทบกับพื้นหินที่อยู่ข้างล่าง เป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก บรรยากาศเหมือนภาพวาด
อีกมุมหนึ่งที่นิยมมาถ่ายภาพ คือ สะพานหินข้ามสระหน้าที่ตั้งอยู่หน้าเจดีย์
หลังจากที่ถ่ายภาพบริเวณซุ้มประตูแล้ว นักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นไปยังเจดีย์ต่างๆที่อยู่บนเนินเขาสูง ในภาพ เจดีย์สีทอง คือ เจดีย์ ที่ 1 ซึ่งถือว่าสูงน้อยที่สุดแต่ปัจจุบันรู้สึกว่าเส้นทางขึ้นจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่เลยไม่ค่อยมีใครขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่ เจดีย์ ที่ 2 คือ เจดีย์พุทธศิลาวดี ที่สร้างด้วยศิลาแลง และเจดีย์ที่สาม สีขาว เจดีย์ 2-3 มีทางเชื่อมเดินถึงกันได้ ต่อมา คือ เจดีย์ที่ 4 และ 5 ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีก เดินขึ้นต้องใช้พลังกันพอสมควร แนะนำสำหรับใครที่อยากเห็นวิวสวยๆ และวิวของเจดีย์แบบครบทั้งหมด ให้ขึ้นเจดีย์ที่ 4 และต่อด้วย 5 จะมีทางเชื่อมถึงกัน ส่วนเราด้วยระยะเวลามีจำกัดต้องรีบไปยังจุดหมายอื่นต่อ ไม่ได้ขึ้นไปสักเจดีย์ ตั้งใจว่าครั้งหน้าจะขึ้นให้ได้ แต่ถึงแม้ไม่ได้ขึ้นไปแค่ได้ถ่ายภาพในมุมไฮไลท์ คือ ซุ้มประตูซุ้มประตูพุทธวดี 9 ก็เต็มอิ่มกับสวยงามของที่นี่แล้วค่ะ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
ก่อนกลับแวะไปที่ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตของสุราษฎร์ธานี เป็นสระน้ำขนาดย่อมสีฟ้าสวยใสราวกระจกกลางป่าใหญ่ พื้นที่ป่าต้นน้ำยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำผุดที่มีขนาดกว้างใหญ่ น้ำใสสะอาดจนสามารถมองเห็นพื้นทรายด้านล่างได้อย่างชัดเจน บรรยากาศโดยรอบเขียวขจีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ มีทางเดินหินทอดยาวผ่านบ่อน้ำ สำหรับนั่งแช่เท้า เล่นน้ำถ่ายภาพสวยๆได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพายเรือหรือนั่งเรือตามลำคลองชมธรรมชาติของป่าพุที่สวยงามแปลกตา ชมฝูงปลา อีกด้วย
เส้นทางมาเที่ยวป่าต้นน้ำบ้านราดน้ำเป็นเส้นทางราดยางที่สะดวก รถทุกชนิดสามารถเข้าถึงได้ มาถึงแล้วมีลานจอดรถด้านหน้าชำระค่าบริการจอดรถคันละ 20 บาท ก่อนเข้าไปชำระค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ถ้าจะพายเรือด้วยจ่ายเพิ่มอีก 40 บาท รวม 70 บาท ส่วนเรือให้พายชมถ้าใครไม่อยากพายเอง มีเจ้าหน้าที่พายให้ มีค่าบริการเพิ่มอีก 50 บาท
***กฎข้อปฎิบัติของการเข้าไปยังป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
จะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวนำกระเป๋าใดๆเข้าไปข้างใน หากมีสิ่งของใดๆที่จะต้องนำเข้าไป เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ ให้ถือด้วยมือเท่านั้น แต่มีข้อยกเว้นสำหรับกระเป๋าใส่กล้องถ่ายรูปที่มีช่องใส่เลนส์ และอุปกรณ์ถ่ายภาพอื่นๆ กระเป๋าใส่โดรน สามารถนำเข้าไปได้ แต่ก่อนเข้าไปเจ้าหน้าที่จะตรวจแบบละเอียด ห้ามมีสิ่งของอื่นนอกจากอุปกรณ์ถ่ายภาพในกระเป๋าเท่านั้น ส่วนอาหาร เครื่องดื่มห้ามนำเข้าไป ซึ่งเหตุผลที่ต้องมีกฎขึ้นมา เพราะจะได้รักษาความสะอาดให้ป่าต้นน้ำยังคงสมบูรณ์อยู่กับเราไปได้นานๆ ควรปฎิบัติตามกฎ หรือถ้าใครไม่อยากถือเข้าไปก็ไว้ในรถส่วนตัวหรือเช่าล๊อกเอร์ใกล้บริเวณทางเข้าราคา 30 บาท
จากจุดชำระเงินเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะถึงพื้นที่ของป่าต้นน้ำที่เป็นบ่อน้ำผุดขนาดใหญ่ เห็นครั้งแรกตะลึงมากสวยกว่าในภาพที่เคยเห็นในรีวิว น้ำใสจนมองเห็นผืนทรายสีขาวข้างล่าง บวกกับธรรมชาติของป่าไม้ที่รายล้อมรอบสระ มองแล้วยังคงเป็นป่าที่มีความบริสุทธิ์มาก ต่างจากการเที่ยวบ่อน้ำผุดในที่อื่นๆ ที่ความเป็นธรรมชาติหายไปเยอะ แนะนำหากไม่อยากเจอคนเยอะให้มาเที่ยวในวันธรรมดาและให้แต่เช้าตั้งแต่เปิดให้เข้าชม คือ 8 โมง แต่ขนาดว่าเรามาแต่เช้าก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาตลอด ***คำแนะนำเพิ่มเติ่ม เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าหากอยากเข้ามาชมก่อนเวลาเปิด ให้มาค้างโฮมสเตย์ของชาวบ้านในกลุ่มต้นน้ำ ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง จะสามารถเข้ามาได้ตั้งแต่ 6 โมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคนจริงๆ เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพที่ต้องการเก็บภาพแบบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเฟรม
น้ำในสระน้ำมีสีฟ้ามรกตใสราวกับกระจก เป็นบ่อน้ำจืดที่มีตาน้ำเป็นหัวใจหลัก พื้นบ่อเป็นทรายตะกอนหินปูนทำให้น้ำใสตลอด มีทางเดินหินวงกลมตัดผ่านตรงกลาง และจุดนั่งเล่นน้ำริมของสระใต้ร่มเงาของต้นไม้หลายจุด บ่อน้ำไม่ลึกมากสามารถนั่งจุ่มเท้า หรือลงไปนั่งแช่นอนแช่ตัวได้สบาย แถมน้ำยังเย็นสบายตัวผ่อนคลาย
หลังจากเพลิดเพลิน เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันแล้ว มานั่งเรือชมป่าพรุ ระยะทางไปกลับรวม 3 กิโลเมตร เป็นระยะทางสั้น โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะพายเอง หรือให้เจ้าหน้าที่พายให้หากให้เจ้าหน้าที่พายก็จะเสียค่าบริการเพิ่มตรงจุดพายเรืออีก 50 บาท สำหรับเราให้เจ้าหน้าที่พายให้เพราะพายเรือไม่เป็น บริเวณนี้จะไม่อนุญาตให้เล่นน้ำ
สระน้ำข้างนอกว่าว้าวแล้ว มาเจอภาพของป่าพรุข้างในยิ่งว้าวเพิ่ม แนะนำมาก สำหรับใครมาเที่ยวป่าต้นน้ำห้ามพลาดด้วยประการทั้งปง ต้องมานั่งเรือชมธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของลำคลองแห่งนี้ บรรยากาศมีความเป็น little amazon มาก สวยงามแปลกตาด้วยต้นไม้ รากไม้ ที่ตกกระทบลงบนผืนน้ำกลายเป็นเงาที่สวยงาม รวมทั้งพืชน้ำต่างๆ น้ำในลำคลองใสเช่นกัน แต่จะมีตะไคร้น้ำสีเขียวค่อนข้างเยอะ รวมถึงฝูงปลาที่แหวกว่าย มีให้เห็นตลอดทาง
ระหว่างที่นั่งเรือชมผืนป่าสองข้างทาง ได้ยินเสียงนกร้องขับกล่อมตลอด เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและรูปทรงของต้นไม้มา บรรยากาศจริงๆสวยกว่าในภาพถ่ายมากๆ น้ำตรงบริเวณนี้ไม่ลึกมากค่ะ ประมาณแค่เลยเข่ามาเล็กน้อย หลังจากเจ้าหน้าที่พายไปจนถึงจุดหมายก็พายกลับมายังเส้นทางเดิม เป็นการเที่ยวแบบธรรมชาติที่สร้างความสุขให้กับหัวใจมาก ทั้งความสวยใสของน้ำผุด ต้นไม้ที่รายล้อมรอบด้าน ตั้งแต่มาเที่ยวสถานที่ในฟีลแบบนี้ ยกให้ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด มีความสวยงามแบบธรรมชาติสร้างสรรค์จริงๆ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด
ที่อยู่ : ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
สอบถามรายละเอียดหรือจองบ้านพักของชุมชนในกลุ่ม โทร 065 698 5176 หรือ 084 220 8745
ค่าบริการ
ค่าจอดรถคันละ 20 บาท
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็ก 15 บาท (รวมค่าห้องน้ำแล้ว)
พายเรือเพิ่มอีก 40 บาท ใครไม่อยากพายเอง มีเจ้าหน้าที่พายให้ มีค่าบริการเพิ่ม 50 บาท